เชียงใหม่ 1 มี.ค. – กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ขึ้นเหนือ ณ จังหวัดเชียงใหม่ นำผู้ประกอบการรับซื้อ “ หอมหัวใหญ่” ในแหล่งปลูก จำนวน 11,000 ตัน เพื่อช่วยดูดซับผลผลิตในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล ทำให้ไม่ล้นตลาด และยังได้ราคาดีตามที่เกษตรกรต้องการ
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน นำผู้ประกอบการรับซื้อหอมใหญ่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยเปิดเผยว่า “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ได้มีข้อสั่งการให้กรมเร่งเตรียมแผนบริหารจัดการสินค้าเกษตรก่อนช่วงฤดูกาลผลผลิต เพื่อดูแลราคาสินค้าเกษตรให้ได้ราคาดี โดยเฉพาะสินค้าประจำภาค อย่างหอมหัวใหญ่ ซึ่งกรมการค้าภายใน ได้ติดตามสถานการณ์ราคาและตลาดอย่างใกล้ชิด และเพื่อเป็นการดำเนินการเชิงรุก กรมจึงได้จัดกิจกรรมเชื่อมโยงตลาดให้กับเกษตรกรโดยตรง เพื่อตัดปัญหาพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้อ
โดยกรมการค้าภายใน ได้นำผู้ประกอบการรับซื้อถึง 19 ราย ได้แก่ ห้างค้าปลีกค้าส่ง ผู้รวบรวม ห้องเย็น รวมถึงสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อมารับซื้อหอมหัวใหญ่กับสหกรณ์ผู้รวบรวมโดยตรง โดยปริมาณรับซื้อในวันนี้ จำนวน 11,000 ตัน ซึ่งถือว่าเป็นการเชื่อมโยงครั้งสำคัญที่ทำให้ราคาของหอมหัวใหญ่ได้ราคาดี โดยการซื้อขายได้ตั้งราคานำตลาด ซึ่งจะทำให้ราคาซื้อขายทั่วไปสูงตามไปด้วย
ในส่วนของเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ จ.เชียงใหม่ ได้มีการรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์ โดยมีนายทรัพย์ อินทนนท์ ประธานกรรมการสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่บ้านกาดพัฒนา เป็นผู้ประสานเกษตรกรในชุมชน ในการรวบรวมผลผลิตของเกษตรกรทั้งหมด“
ทั้งนี้ ผลผลิตปกติปริมาณหอมใหญ่ทั้งประเทศอยู่ที่ประมาณ 30,000 ตัน ผลผลิตปีนี้มีปริมาณผลผลิตเพิ่มมากขึ้น จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย โดยที่ จ.เชียงใหม่ ถือว่าเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่ใหญ่ที่สุด มีพื้นที่เพาะปลูกได้ผลผลิตประมาณ 22,000 ตัน ซึ่งขณะนี้ผลผลิตได้ออกสู่ตลาดแล้วประมาณ 4,400 ตัน คิดเป็น 20% ของผลผลิตทั้งหมด
“กิจกรรมครั้งนี้ทำให้เกษตรทุกคนมีรอยยิ้มที่สามารถขายสินค้าได้ราคาที่ดี ทั้งนี้ต้องเรียนว่าคุณภาพหอมใหญ่ในปีนี้ดีมากเนื่องจากอากาศหนาวเย็น ทั้งนี้ ขอฝากถึงพี่น้องเกษตรกรขอให้เลือกพันธุ์ที่ตลาดมีความต้องการ รวมไปถึงได้ผลผลิตที่มีปริมาณมากขึ้น และได้รับทราบว่าปีนี้มีผลผลิตถึง 4,500 กก. ต่อไร่ ก็หวังว่าถ้าเลือกพันธุ์ได้เหมาะสมก็จะได้ผลผลิตมากขึ้นถึง 5,000 -6,000 กก. ต่อไร่ ต่อไป ปัจจุบันราคาหอมหัวใหญ่อยู่ที่ คละ กก. ละ 12 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่เกษตรกรพอใจ” นายวิทยากร กล่าว .-517-สำนักข่าวไทย