ฮุนไดฯ เดินหน้าตั้งโรงงานผลิต EV – แบตเตอร์รี่

กรุงเทพฯ 26 ก.ย.-บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเดินหน้าลงทุนมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตรถ EV และแบตเตอรี หนุนไทยฐานการผลิต ตั้งเป้าผลิตรถ EV 5,000 คันต่อปี พร้อมวอนรัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ

นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ฮุนไดฯ เร่งเสริมความแข็งแกร่งและสนับสนุนการเติบโตของอีโคซิสเต็มยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศไทย หลังได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เต็มรูปแบบ โดยได้ลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท จัดตั้งบริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ แมนูแฟคเตอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม บนเนื้อที่กว่า 28,500 ตารางเมตร ที่มีทั้งโรงงานประกอบรถยนต์และแบตเตอรี่ โดยมีกำหนดเริ่มการผลิตในปี 2569 ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 5,000 คันต่อปี


โรงงานแห่งใหม่นี้จะมีบทบาทสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดของฮุนได ซึ่งรวมถึงแบรนด์ IONIQ โดยจะมุ่งเน้นการใช้ส่วนประกอบหลักจากในประเทศ การเสริมสร้างความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ไทย การส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น และการสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานรถยนต์ไฟฟ้าของไทย

พร้อมกันนี้ ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ยังได้เปิดตัว IONIQ 5N รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นล่าสุด ราคา 3,790,000 บาท ที่จะสร้างระดับมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการยานยนต์ทั้งในด้านพละกำลัง ความเร็ว และเทคโนโลยีการขับขี่ที่เหนือคู่แข่ง


นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมา ฮุนได IONIQ ได้รับการตอบรบที่ดีจากลูกค้า ซึ่งนอกจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ฮุนไดยังประกาศความมุ่งมั่น ขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย เพื่อให้ผู้บริโภคเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของฮุนไดต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยในระยะยาว จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น สำหรับอีโคซิสเต็มของยานยนต์ไฟฟ้าที่เข้มแข็งและมั่นคง

อย่างไรก็ต้ต้อมยอมรับว่ายอดจำหน่ายรถไฟฟ้าในประเทศไทยปีนี้ อาจจะไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ในตอนแรก เนื่องจากวิกฤตต่างๆ แต่ในภาพรวมรถ EV ก็ยังมีการเติบโตได้อยู่ และแม้ว่าแม้ว่าจะมีบริษัทรถไฟฟ้าจากประเทศจีนหลายบริษัทมาตั้งฐานการผลิตในไทย รวมถึงการออกนโยบายกระหน่ำลดราคารถ EV จะส่งผลกระทบต่อทุกคนในวงการ แต่ก็เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่มีซัพพลายล้น

“ผมยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีและไม่ควรเกิดขึ้น สิ่งที่ควรจะเป็นคือดีมานด์และซัพพลายต้องเท่ากัน ดังนั้นจึงไม่ควรแข่งขันด้านราคาอย่างเดียวควรเน้นบริการและสิ่งที่ลูกค้าจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะการลดราคาก็คือการตัดเบเนฟิตบางอย่างออกไป และหวังว่าเหตุการณ์นี้จะอยู่ไม่นาน เมื่อหลายๆค่ายปรับตัวเรื่องซัพพลายได้แล้ว ก็คิดว่าทุกๆอย่างจะดีขึ้น เพราะการดัมพ์ราคาลงแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อใคร นอกจากนี้ก็อยากจะวอนรัฐบาลเร่งออกนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อรถยนต์ หลังหนี้ครัวเรือนฉุดยอดจำหน่ายรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้าต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ เช่น การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” นายวัลลภ กล่าว.-517.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง