ระดมช่วยปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ประสบอุทกภัย

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยระดมสรรพกำลังช่วยเหลือเกษตรกร ปศุสัตว์ และสัตว์เลี้ยงของประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ ล่าสุดเข้าช่วยเหลือใน จ.หนองคาย และนครพนม ซึ่งเกิดฝนตกหนักและน้ำจากแม่น้ำโขงล้นตลิ่ง ย้ำให้สำนักงานปศุสัตว์ทั่วประเทศเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ตามที่กรมอุตุฯ คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกชุกช่วงปลายฤดู โดยดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ หลังภัยพิบัติคลี่คลายให้เร่งสำรวจความเสียหาย พร้อมยกระดับการเฝ้าระวังโรคระบาดสัตว์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อลดความสูญเสียด้านปศุสัตว์


นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ได้รับข้อสั่งการของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปศุสัตว์ ปศุสัตว์ รวมถึงสัตว์เลี้ยงของประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สำหรับจังหวัดในภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุยางิ มี 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ประกอบด้วย 5 อำเภอ 14 ตำบล 44 หมู่บ้าน เกษตรกร 998 ราย มีสัตว์ในพื้นที่น้ำท่วม 69,703 ตัว แบ่งเป็น โค 2,951 ตัว กระบือ 1,362 ตัว สุกร 8,514 ตัว แพะ/แกะ 25 ตัว และสัตว์ปีก 56,851 ตัว แปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์ 145 ไร่ สำนักงานปศุสัตว์ในพื้นที่ช่วยเหลือเฉพาะหน้าดังนี้ มอบพืชอาหารสัตว์ 8,770 กิโลกรัม ช่วยอพยพสัตว์ 318 ตัว และสนับสนุนชุดส่งเสริมสุขภาพสัตว์ 50 ชุด ส่วนรายงานสัตว์ตาย/สูญหายทั้ง 3 จังหวัด รวม 5,898 ตัว แบ่งเป็น โค 28 ตัว กระบือ 2 ตัว สุกร 1 ตัว และสัตว์ปีก 5,867 ตัว ส่วนที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งน้ำท่วมเป็นวงกลางและระดับน้ำสูง สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย จัดตั้งสถานที่พักพิงสัตว์ชั่วคราวที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย และศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เชียงราย เพื่อให้เป็นสถานที่ที่ประชาชนขนย้ายสัตว์เลี้ยงมาพักพิง โดยมีสัตว์แพทย์และเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลสุขภาพให้ด้วย


ล่าสุดเกิดอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว 2 จังหวัด ได้แก่ หนองคายและนครพนม เนื่องจากเกิดฝนตกหนัก ประกอบกับระดับน้ำแม่น้ำโขงสูงขึ้นจนล้นตลิ่ง สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหนองคาย รายงานว่า เกิดผลกระทบ 4 อำเภอ 10 ตำบล 68 หมู่บ้าน เกษตรกรได้รับผลกระทบ 849 ราย สัตว์ที่ได้รับผลกระทบ 7,322 ตัว แบ่งเป็น โค 4,561 ตัว กระบือ 715 ตัว แพะ 80 ตัว และสัตว์ปีก 1,966 ตัว การช่วยเหลือเฉพาะหน้า ได้แก่ ช่วยอพยพสัตว์ 946 ตัว มอบพืชอาหารสัตว์ 8,850 กิโลกรัม มอบชุดดูแลสุขภาพสัตว์ 18 ชุด รักษาสัตว์ 55 ตัว และมอบถุงยังชีพ 15 ถุง ส่วนสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครพนม รายงานว่า เกิดผลกระทบใน 2 อำเภอ 5 ตำบล 11 หมู่บ้าน เกษตรกรได้รับผลกระทบ 116 ราย สัตว์ที่ได้รับผลกระทบ 972 ตัว แบ่งเป็น โค 344 ตัว และกระบือ 628 ตัว โดยช่วยเหลือเฉพาะหน้าด้วยการมอบพืชอาหารสัตว์ 6,000 กิโลกรัม ขณะที่จังหวัดอื่นๆ ที่มีพื้นที่ติดริมลำน้ำโขง กรมปศุสัตว์ได้เน้นย้ำให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมช่วยเหลือ หากเกิดสถานการณ์

นายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวว่า กรมปศุสัตว์มีแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติที่วางไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถป้องกันและบรรเทาสถานการณ์ในระยะเฉพาะหน้า โดยคณะกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านปศุสัตว์ ได้ประชุมซักซ้อมแผนแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในระดับเขต และเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เช่น สำรวจพื้นที่เสี่ยง เตรียมสถานที่พักพิงอพยพสัตว์ในพื้นที่สูงสู่ที่ปลอดภัย จัดเตรียมบุคลากรชุดปฏิบัติการช่วยเหลือ จัดทีมสัตวแพทย์ 173 ทีม

กรมปศุสัตว์ ยังเตรียมเสบียงอาหารสัตว์หญ้าพระราชทานจากศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ 32 แห่งที่มีอยู่ทั่วทุกภูมิภาค 5,351,300 กิโลกรัม หรือเป็นจำนวน 267,565 ก้อน ที่สามารถเลี้ยงโค กระบือได้ 114,673 ตัว ต่อเนื่องได้ 7 วัน ถุงยังชีพ 3,500 ชุด ซึ่งประกอบด้วย อาหารสุนัข/แมว อาหารสัตว์ปีก แร่ธาตุก้อน ยาปฏิชีวนะ วิตามินละลายน้ำ และยาถ่ายพยาธิ เตรียมชุดเวชภัณฑ์ในพื้นที่ทั้ง 9 เขต พร้อมใช้ในการดูแลสุขภาพสัตว์ รักษาสัตว์ป่วยได้อย่างทันท่วงทีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น รวมถึงจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ช่วยเหลือและยานพาหนะ 119 คัน


นายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวย้ำว่า ในช่วงปลายฤดูฝน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะมีฝนกระจายเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งทั่วทุกภูมิภาค จึงสั่งให้ทุกพื้นที่เตรียมพร้อมรับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และให้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้อย่างทันท่วงทีที่เกิดเหตุการณ์

นอกจากนี้ ยังกำชับให้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่เกษตรกรในทุกพื้นที่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรเลี้ยงสัตว์ หรือปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน เพื่อได้รับการช่วยเหลือเยียวยา หากสัตว์เลี้ยงได้รับความเสียหาย ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรได้รับทราบข่าวสารจากทางราชการด้วย ที่สำคัญอีกประการคือ การเฝ้าระวังโรคระบาดสัตว์ เพื่อลดการสูญเสียด้านปศุสัตว์

นายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่บูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ท้องที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรในช่วงที่เกิดภัย หลังเกิดภัยให้แต่ละพื้นที่ที่เกิดผลกระทบเร่งสำรวจความเสียหาย ตลอดจนช่วยฟื้นฟูสุขภาพสัตว์และฟื้นฟูอาชีพของเกษตรกร รวมถึงเร่งช่วยเหลือเยียวยาให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป

หากเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ประสบอุทกภัยและต้องการความช่วยเหลือจากกรมปศุสัตว์ สามารถติดต่อศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านปศุสัตว์ กองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ โทร. 02-6534444 ต่อ 3315 E-mail : disaster@did.go.th.-512-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสานตอนบน ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 29 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนบน และบริเวณด้านรับลมมรสุมมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และบริเวณด้านรับลมมรสุมมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ นครพนม จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 […]