ชวนนายกฯ คาซัคสถาน จับมือประเทศขนาดกลางสู้วิกฤตเศรษฐกิจ

คาซัคสถาน 15 ส.ค.- “ภูมิธรรม” นำทีมพาณิชย์ หารือนายกรัฐมนตรีคาซัคสถาน ประกาศเดินหน้าร่วมมือการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกัน ย้ำไทยให้ความสำคัญกับคาซัคสถานในฐานะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ พร้อมร่วมมือทุกด้าน แจ้งมีกำหนดลงนามความร่วมมือเศรษฐกิจและการค้า เปิดทางร่วมมือสาขาต่าง ๆ มีแผนเปิดสำนักงานทูตพาณิชย์ ขับเคลื่อนการค้า พร้อมชวนผู้ประกอบการคาซัคสถานร่วมงานแสดงสินค้าในไทย จัดเวทีเจรจาจับคู่ธุรกิจ ขยายโอกาสค้าขายระหว่างกัน รับปากคาซัคสถาน ดูเรื่องตั้งสถานกงสุล การนำเข้าเนื้อสัตว์ ทำ MOU ร่วมมือเกษตร และความตกลงภาษีซ้อน


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายออลจัส เบคเตนอฟ (Mr. Olzhas Bektenov) นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ตนได้แจ้งกับนายกรัฐมนตรีคาซัคสถานว่าไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญของสาธารณรัฐคาซัคสถาน ในฐานะประเทศคู่ค้าที่มีศักยภาพและเป็น Gateway ในการผลักดันสินค้าไทยไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียกลาง และประเทศในกลุ่มสมาชิกเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) จึงได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเยือน นอกจากเพื่อการลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทย-คาซัคสถานแล้ว ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจตลาดและโอกาสของสินค้าไทย รวมถึงประชาสัมพันธ์และสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าและธุรกิจบริการไทยในตลาดคาซัคสถาน ตลอดจนเพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางที่เหมาะสมในการขนส่งและกระจายสินค้าไทยไปยังตลาดคาซัคสถานและภูมิภาคเอเชียกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทายและข้อจำกัดในการขนส่งสินค้า เนื่องจากเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทะเล อีกทั้งการเดินทางมาเยือนครั้งนี้นับเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจของไทยกับคาซัคสถานในรอบ 17 ปี

ทั้งนี้ ได้แจ้งนายกรัฐมนตรีคาซัคสถานว่าในการมาเยือนครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีกำหนดการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทยและคาซัคสถาน (Agreement on Trade and Economic Cooperation between Thailand and Kazakhstan) กับนายอาร์มัน ชักคาลีเยฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและบูรณาการ และจะพบหารือกับ ดร.มิรกาลี คูนาเยฟ กงสุลกิติมศักดิ์ของไทยแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน เพื่อหารือเกี่ยวกับลู่ทางในการขยายการค้าระหว่างสองประเทศ รวมถึงการเปิดสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ในสาธารณรัฐคาซัคสถาน เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคีและมูลค่าการค้าระหว่างกัน และได้ขอถือโอกาสนี้ รับทราบทิศทางและนโยบายด้านเศรษฐกิจการค้าของรัฐบาลสาธารณรัฐคาซัคสถานจากท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้เป็นแนวทางประกอบการกำหนดนโยบายส่งเสริมการค้าระหว่างไทยกับสาธารณรัฐคาซัคสถานต่อไป


ขณะเดียวกัน ได้นำเสนอว่าเพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าร่วมกัน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการคาซัคสถานเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทย ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี อาทิ งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair (9-13 ก.ย.67), THAIFEX-HOREC Asia (5-7 มี.ค.68), STYLE Bangkok (2-6 เม.ย.68) และTHAIFEX-ANUGA ASIA (27-31 พ.ค.68) เป็นต้น ตลอดจนการเข้าร่วมกิจกรรม Online Business Matching (OBM) ซึ่งหากผู้ประกอบการคาซัคสถานสนใจเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยในสินค้าใด โดยเฉพาะสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงแบบพรีเมียม ที่กำลังเป็นที่ต้องการในตลาดคาซัคสถาน ก็สามารถแจ้งมายังกระทรวงพาณิชย์ได้

“ได้แจ้งท่านนายกรัฐมนตรีคาซัคสถานว่า การจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจไทย-คาซัคสถาน จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าในสาขาต่าง ๆ ส่วนการส่งเสริมให้เอกชนเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดโดยแต่ละฝ่าย เช่น งานแสดงสินค้า การจับคู่ธุรกิจออนไลน์ จะเพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งเดิม ทูตพาณิชย์ที่รัสเซียดูแลอยู่ แต่เร็ว ๆ นี้ มีแผนที่จะเปิดสำนักงานทูตพาณิชย์ในคาซัคสถานด้วย ก็ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีช่วยสนับสนุน และไทยได้เริ่มมีการเจรจาเพื่อจัด ทำ FTA กับ EAEU จึงขอการสนับสนุนจากคาซัคสถานในเรื่องนี้ด้วย ขณะที่การท่องเที่ยว สองฝ่ายได้มีการลงนามการยกเว้นวีซ่าตั้งแต่เดือน เม.ย.2567 ก็หวังว่าจะมีการท่องเที่ยวของสองฝ่ายเพิ่มขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจทั้งสองฝ่าย” นายภูมิธรรม กล่าว

อย่างไรก็ตาม คาซัคสถาน ได้หารือถึงการขออนุญาตจัดตั้งสถานกงสุลคาซัคสถานในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งตนเห็นว่าจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น และช่วยอำนวยสะดวกชาวคาซัคสถานที่มาท่องเที่ยวในไทย โดยจะประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อติดตามความคืบหน้าต่อไป ส่วนการพิจารณาคำขออนุญาตนำเข้าสินค้าเนื้อสัตว์ของคาซัคสถาน ทราบว่ากรมปศุสัตว์อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขออนุญาตการนำเข้าสินค้าเนื้อโคของฝ่ายคาซัคสถาน จำนวน 10 บริษัท ซึ่งจะช่วยเร่งรัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาและแจ้งให้ฝ่ายคาซัคสถานทราบ และการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐคาซัคสถาน กำลังรอความเห็นจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย โดยมั่นใจว่าหากมีการลงนามกันได้ จะข่วยเพิ่มความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกันมากขึ้น และการรื้อฟื้นการหารือเพื่อจัดทำความตกลงภาษีซ้อนระหว่างไทยและคาซัคสถาน กรมสรรพากรกำลังพิจารณา หากสำเร็จ จะช่วยลดการเก็บภาษีซ้ำซ้อนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ระหว่างประเทศ รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและหลีกเลี่ยงการเสียภาษีระหว่างประเทศของทั้งฝ่าย นอกจากนี้ตนได้นำสินค้าของผู้ประกอบการต่างจังหวัดจากประเทศไทย อาทิ ลำไยสดลำพูน ผ้าพันคอย้อมครามสกลนคร ผ้าขาวม้าหนองบัวลำภู มาฝากท่านนายกรัฐมนตรีให้รู้จักสินค้าไทยมากขึ้นด้วย


สำหรับการค้าระหว่างไทยกับสาธารณรัฐคาซัคสถาน แม้จะยังไม่มากนัก เมื่อเทียบกับคู่ค้าสำคัญของไทยในปัจจุบัน แต่ก็มีศักยภาพและแนวโน้มการขยายตัวได้ในอนาคต โดยในปี 2566 คาซัคสถานเป็นคู่ค้าอันดับที่ 90 ของไทย มีมูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 171.79 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 26.28 เป็นต้น. -514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]