สหภาพฯ แรงงาน ไฟฟ้ารอคำแก้ปัญหานี้แสนล้าน ทบทวนแผนไฟฟ้า

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – 3 สหภาพแรงงานไฟฟ้า รอคำตอบรัฐบาล ทบทวนแผนไฟฟ้าพีดีพี หลังแผนใหม่ไม่เอื้อความมั่นคง-การดูแลค่าไฟฟ้า โดยสัดส่วน ผลิตไฟฟ้า กฟผ.หดเหลือ 17% พร้อมเสนอแนวคิดแก้หนี้ค่าไฟแสนล้านบาท โดยรัฐบาลควรออกพันธบัตรมาใช้หนี้ หรือลดสัดส่วนการนำเงินส่งรัฐของ กฟผ.


นางณิชารีย์ กิตตะคุปต์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) กล่าวว่า หลังจากที่สหภาพ ฯ 3 การไฟฟ้า เข้าพบนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เมื่อเร็วๆ นี้ (31 ก.ค.) ทาง 3 หน่วยงานก็ได้มีการสานงานดำเนินการต่อเนื่องเพื่อติดตามและเตรียมพร้อมทวงคำตอบที่ชัดเจน โดยต้องขอขอบคุณ รมว.พลังงาน ที่ให้เข้าพบและเพื่อนำเสนอและแลกเปลี่ยนข้อมูลในประเด็นด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศและปัญหาราคาค่าไฟฟ้าที่สูงจนมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและประชาชน เนื่องจากเรื่องกิจการไฟฟ้าเป็นเรื่องสำคัญมากต่อการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน รัฐควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัดการประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกระตุ้นให้มีความมุ่งมั่นในภารกิจ เช่น ต้องบริหารจัดการไม่ให้ราคาค่าไฟฟ้าเกิน 3.90 บาทต่อหน่วย ภายใน 3 ปี เป็นต้น

ส่วนเรื่องหนี้ กฟผ.ที่ ช่วยรับภาระต้นทุนค่าไฟฟ้า เอฟที ไปก่อนหน้านี้ประมาณ 1 แสนล้านบาท ทางสหภาพฯ ได้เสนอแนวคิดว่า เพื่อไม่สร้างภาระแก่ประชาชนเพิ่มและไม่เป็นภาระต่อต้นทุนการดำเนินงานของ กฟผ.ที่ต้องดูแลความมั่นคงด้านพลังงานด้วยนั้น รัฐบาลก็น่าจะออกพันธบัตรมาชำระหนี้ หรือ ให้ กฟผ.ลด หรือชะลอการจ่ายเงินเข้ารัฐ จากที่ปกติจะต้องมีการจ่ายประมาณร้อยละของกำไรสุทธิ ในแต่ละปี โดยหากทำได้ก็จะเป็นหนึ่งทางทางออกแก้ปัญหานี้ โดยทางกระทรวงพลังงานกำลังหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ภายใน 4 เดือน


ทั้งนี้ สหภาพฯ 3 การไฟฟ้า มีความห่วงใยต่อร่างแผนไฟฟ้าระยะยาว PDP 2024 โดยขอให้ทบทวน เช่น เรื่องสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าระหว่างภาครัฐกับเอกชนควรให้มีความชัดเจน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดกรอบสัดส่วนเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยแนะนำให้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ต้องกำหนดกรอบหรือเพดานของสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของเอกชนในระบบผลิตไฟฟ้าของประเทศ แต่ไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด โดยตามร่าง PDP2024 กฟผ.จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเหลืออยู่เพียงร้อยละ 17 ซึ่งถือว่าน้อยมากในภารกิจสำคัญที่ต้องดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ ที่ในอนาคตจะมีความผันผวนมากยิ่งขึ้นจากนโยบายของรัฐที่จะให้มีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจำนวนมากเพิ่มเข้ามา ทั้งที่การสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ไม่ว่าจะโดยภาครัฐหรือ เอกชน ไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องค่าไฟฟ้า เนื่องจากรัฐเป็นผู้ควบคุมและกำหนดราคาต้นทุนค่าไฟฟ้าและราคาเชื้อเพลิง ในขณะที่โรงไฟฟ้าของรัฐสามารถตอบแทนคืนประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนด้วยการนำส่งรายได้เข้ารัฐปีละหลายหมื่นล้านบาท รวมทั้งการใช้เป็นกลไกเพื่อดูแลราคาค่าไฟฟ้าและการดูแลผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มเปราะบางเช่นที่ทำอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากเรื่องการทบทวนการจัดทำ PDP การจะทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลงได้ทันที เห็นควรพิจารณาให้มีการเจรจาเพื่อทบทวนสัญญา PPA กับโรงไฟฟ้าเอกชนในเรื่องการจ่ายเงินค่าความพร้อมจ่าย (AP) ให้ลดลงเหลือน้อยที่สุดเช่น 10-20สตางค์ต่อหน่วย (ปัจจุบันค่าเฉลี่ย AP ประมาณ 75-80สตางค์ต่อหน่วย) โดยอาจแลกกับการขยายอายุสัญญาหรือเงื่อนไขอื่นที่เหมาะสม โดยเลือกโรงไฟฟ้าที่ประกอบการมาคุ้มทุนแล้ว (อายุ7-10 ปี) เบื้องต้นควรเจรจาขอความร่วมมือจากโรงไฟฟ้าในเครือของ กฟผ.และ บมจ.ปตท. หากสามารถทำได้ก็จะเกิด Quick Win และใช้เป็นต้นแบบ และควรให้ทบทวนเรื่องการทำสัญญา PPA ใหม่ไว้เพื่อใช้สำหรับโรงไฟฟ้าใหม่ในอนาคตด้วย

นอกจากนี้ในแผน PDPใหม่ ควรปรับแนวคิดการพยากรณ์ จากเดิม คำนวณจากความต้องการใช้ฟ้าจะเติบโตเท่ากับ GDP แต่เนื่องจากปัจจุบัน ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วนมีมาตรการประหยัดไฟฟ้ารูปแบบต่างๆและผลิตไฟฟ้าใช้เองเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าจากระบบไฟฟ้าของประเทศลดลง ดังนั้น จึงควรทบทวนเรื่องการประเมินค่า GDP ใหม่ และใช้สัดส่วนลดต่ำกว่า GDP ประมาณ0.75-0.8% ของ GDP ในขณะที่ การกำหนดให้มีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (RE) เข้ามาใหม่ ควรต้องให้ค่อยทยอยเข้ามาในระบบให้สมดุลกับกำลังการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าหลักที่มีอยู่เดิมจำนวนมากก่อน,ควรให้ความสำคัญกับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ (Floating Solar) ในเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่เป็นลำดับแรกมากกว่า เนื่องจากจะช่วยผลิตไฟฟ้าในเวลากลางวัน เพื่อเก็บรักษาน้ำในเขื่อนไว้ผลิตไฟฟ้าสนับสนุนความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงในช่วงเวลากลางคืน,ส่วนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบมีระบบแบตเตอรี่เพื่อเก็บกักพลังงาน (BESS) นั้น การกำหนดช่วงเวลาที่จะเปิดการรับซื้อไฟฟ้าควรให้เหมาะสมกับความพร้อมคือเมื่อเทคโนโลยีและต้องมีการกำหนดราคารับซื้อไฟฟ้าที่ไม่สูงเกินไป เช่น ไม่ควรเกินหน่วยละ 3 บาท เพื่อช่วยดึงราคาค่าไฟฟ้าในภาพรวมให้ถูกลง (ปัจจุบันค่าไฟฟ้าฐานอยู่ที่หน่วยละ 3.78 บาท) ควรแสวงหาแนวทางการเพิ่มสัดส่วนโรงไฟฟ้าสะอาดเป็นโรงไฟฟ้าหลัก เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิง (Energy Mix) พึ่งพาการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติมากถึงร้อยละ 60 และโรงไฟฟ้าหลักที่จะเข้ามาใหม่ในระบบไฟฟ้าก็ใช้แต่ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งแหล่งก๊าซธรรมชาติมาจากอ่าวไทย เมียนมา และนำเข้า LNG และในอนาคตจะเหลือเพียงจากอ่าวไทยและการนำเข้า LNG ซึ่งการนำเข้า LNG ที่สัดส่วนมีแนวโน้มสูงขึ้นและมีราคาที่ผันผวนส่งผลให้ค่าไฟฟ้าจะไม่ถูกลงเท่าที่ควร ประเทศจะคงอยู่ในวังวนของวัฏจักรค่าไฟฟ้าสูงมากจนรับไม่ได้เหมือนเช่นปัจจุบัน และควรทบทวนเรื่องการนำก๊าซฯจากอ่าวไทยที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ให้มารวมอยู่ในระบบ Pool Gas และควรให้มีการทบทวนเรื่องความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศเป็นรายภาค


ส่วนเรื่องการกำหนดในแผนให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ในช่วงท้ายของแผน PDP ควรทบทวนเพราะ SMR อาจไม่ได้ต้นทุนค่าไฟฟ้าถูกเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ปกติ และมีกำลังผลิตน้อย (300 MW) จึงไม่มากพอที่จะมีผลต่อการช่วยลดราคาค่าไฟฟ้า และ อาจไม่ได้รับยอมรับจากประชาชน. -511-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

หาชมยาก เปิดสะพานกรุงเทพให้เรือผ่าน แห่งเดียวในไทย

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – เป็นอีกครั้งที่สะพานกรุงเทพ ยกขึ้นเพื่อให้เรือผ่าน ปัจจุบันเป็นสะพานแห่งเดียวในไทยที่ยังคงใช้งานเปิด-ปิดได้ โดยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สำคัญตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบันมีเรือที่ผ่านน้อยลง ทำให้การยกเปิดแต่ละครั้งได้รับความสนใจ เพราะเป็นภาพที่หาชมได้ไม่บ่อย.-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” ระงับนําเข้าน้ำมัน-ก๊าซจากไทย

กัมพูชา 22 มิ.ย. – “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศระงับนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง-ก๊าซทุกชนิดจากไทย เริ่มเที่ยงคืนนี้ มั่นใจบริษัทในกัมพูชาหาเชื้อเพลิงจากแหล่งอื่นให้ประชาชนได้เพียงพอ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊ก Hun Manet ระบุว่า บริษัทจัดจําหน่ายน้ำมันในประเทศกัมพูชามีความสามารถในการนําเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซจากแหล่งอื่น เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการบริโภคภายในประเทศของประชาชน แม้จะเป็นเดือน แม้ตลอดไปก็ไม่ใช่ปัญหา เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนนี้ (22 มิ.ย.68) การนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซทั้งหมดจากประเทศไทยจะถูกหยุด.-สำนักข่าวไทย

กองกำลังบูรพาเข้มจุดตรวจ นำสุนัข K9 ร่วมลาดตระเวน

22 มิ.ย. – กองกำลังบูรพาเข้มจุดตรวจตลอดแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว นำสุนัข K9 ร่วมลาดตระเวน ป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนด่านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บรรยากาศเงียบเหงา หลังชาวกัมพูชาปิดร้านขนของกลับประเทศ ที่ จ.สระแก้ว ตลอดแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ บริเวณจุดตรวจ ค.04 อ.คลองหาด มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง กองกำลังบูรพา และกองร้อยทหารพราน พร้อมสุนัข K9 ยังคงเดินหน้าควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อาจจะพากันทะลักเข้า-ออก หลังจากที่มีคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวและนักพนันข้ามไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งจุดนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงที่มีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่เดินเท้าลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนกว่า 100 กิโลเมตร เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ บรรยากาศชายแดนหาดเล็กเงียบเหงาด้านบริเวณชายแดนด่านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา หลังชาวกัมพูชาปิดร้านขนของกลับประเทศ มีเพียงรถบรรทุกสินค้าทั่วไปรอคิวผ่านแดนข้ามฝั่งไปประเทศกัมพูชา เจ้าของร้านค้าในพื้นที่ เล่าว่า บรรยากาศเงียบเหงามาก วันๆ แทบไม่มีคนซื้อของ ถ้าถามความรู้สึกว่าเดือดร้อนไหม บอกเลยว่ายอมเดือดร้อนดีกว่าเสียดินแดนซ้ำอีก ถ้าจะปิดด่านก็ปิดได้เลย เอาดินแดนไว้ก่อนดีกว่า ส่วนบริเวณด่านถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายประสิทธิ์ ดีจงเจริญ นายด่านศุลกากรช่องสะงำ […]

“แพทองธาร” โพสต์พรรคร่วมฯ มีมติหนุนรัฐบาล ร่วมสร้างเสถียรภาพการเมือง

โรงแรมโรสวูด 22 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์พรรคร่วมรัฐบาลมีมติหนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ชี้ ความเป็นหนึ่งเดียว ช่วยก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหว เดินหน้ารับมือภัยคุกคามและความมั่นคง ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล หารือ ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง 8 ตำแหน่ง หลังภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. รถบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ ยังอยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย […]