บสย. เร่งฟื้น SMEs ม.ค. – มิ.ย. 67 เร่งค้ำต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ 29 ก.ค.-บสย. เร่งฟื้น SMEs ม.ค. – มิ.ย. 67 ค้ำแล้ว แตะ 19,000 ล้านบาทได้สินเชื่อใหม่ 45,440 ราย จ้างงาน 168,762 ตำแหน่ง มั่นใจ “บสย. SMEs ยั่งยืน” 5 หมื่นล้าน หนุนแบงก์ปล่อยสินเชื่อ


บสย. เร่งฟื้น SMEs ม.ค. – มิ.ย. 67 ค้ำแล้ว 18,946 ล้านบาท ชูแผนครึ่งปีหลัง เร่งค้ำ ต่อเนื่อง มั่นใจ “บสย. SMEs ยั่งยืน” ครึ่งปีหลัง ช่วย SMEs ได้สินเชื่อกว่า 30,000 ราย มั่นใจมาตรการรัฐ “ฟรีค่าธรรมเนียม 2-4 ปีแรก” หนุนแบงก์ปล่อยสินเชื่อ

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงาน บสย. ครึ่งปีแรก (ม.ค. – มิ.ย. 2567) เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งการค้ำประกันสินเชื่อ การช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ การรักษาการจ้างงาน รวมทั้ง มาตรการการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ช่วยลูกหนี้ แก้หนี้ยั่งยืน และการยกระดับองค์กรสู่ SMEs Gateway การค้ำประกันสินเชื่อ ม.ค. – มิ.ย. 67 ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 45,440 ราย เป็นกลุ่มรายย่อยหรือ Micro ในสัดส่วนถึง 94% ค้ำประกันสินเชื่อเฉลี่ย 80,000 บาทต่อราย ส่วนอีก 6% เป็นกลุ่ม SMEs ค้ำประกันสินเชื่อเฉลี่ย 5.31 ล้านบาทต่อราย วงเงินอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ ราว 18,946 ล้านบาท รักษาการจ้างงาน 168,762 ตำแหน่ง สร้างสินเชื่อในระบบ 19,610 ล้านบาท และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 76,771 ล้านบาท


ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อที่เป็นมาตรการรัฐ และ โครงการค้ำประกันสินเชื่อที่ บสย. พัฒนาเอง ได้แก่

1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก (พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู ระยะที่ 2) วงเงิน 9,511 ล้านบาท สัดส่วน 50% ช่วย SMEs ได้สินเชื่อ 1,532 ราย (สัดส่วนวงเงินค้ำประกันสูงสุด)
2.โครงการค้ำประกันสินเชื่อดำเนินการโดย บสย. จำนวน 5,126 ล้านบาท สัดส่วน 27% (รวม 4 โครงการย่อย ได้แก่ รายสถาบันการเงินระยะ 7 (BI7) / โครงการ PGS Renew / Smart Plus & Top up และ RBP ช่วย SMEs ได้สินเชื่อ 2,391 ราย
3.โครงการตามมาตรการรัฐ จำนวน 4,309 ล้านบาท สัดส่วน 23% ช่วย SMEs ได้สินเชื่อ 41,568 ราย (ค้ำประกันจำนวนรายสูงสุด)
สำหรับประเภทธุรกิจค้ำประกันสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1. ภาคบริการ 27.5% 2. การผลิตสินค้าและการค้าอื่น ๆ 13.5% และ 3. อาหารและเครื่องดื่ม 9.6% ซึ่งทั้ง 3 หมวดครองสัดส่วนค้ำประกัน 51% หรือราว 9,600 ล้านบาท ขณะที่ลำดับที่ 4-6 ได้แก่ สินค้าอุปโภค-บริโภค 9.5% อุตสาหกรรมยานยนต์ 8.5% และภาคเกษตรกรรม 8.2% ครอบคลุมทุกภูมิภาคของไทย คิดเป็นสัดส่วนการค้ำประกันสินเชื่อ เขตกรุงเทพ-ปริมณฑล 40% และภูมิภาค 60% ประกอบด้วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18% ภาคใต้ 13% ภาคเหนือ 12% ภาคตะวันออก 9% ภาคกลาง 5% และภาคตะวันตก 3%

นอกจากนี้ บสย. ยังประสบความสำเร็จในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ค้ำประกันสินเชื่อที่ถูกเคลม


ด้วยการประนอมหนี้ผ่านมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (TDR) “บสย. พร้อมช่วย” (มาตรการ 4 สี ม่วง เหลือง เขียว และ ฟ้า) โดยมีลูกหนี้ บสย. ได้รับการประนอมหนี้ ระหว่าง ม.ค. – มิ.ย. 2567 ดังนี้

1.ลูกหนี้ บสย. ที่ได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (TDR) ณ ม.ค.-มิ.ย. 67 จำนวน 1,792 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 1,071 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้กลุ่มสีเขียว ที่ยังมีศักยภาพในการชำระคืนเงินต้นบางส่วนแต่ต้องการปลอดดอกเบี้ย ในสัดส่วนถึง 78% ยอดสะสม SMEs ลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และได้รับการประนอมหนี้ตั้งแต่ เม.ย. 2565 – มิ.ย. 2567 รวมกว่า 15,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้รวมกว่า 7,000 ล้านบาท
2.ลูกหนี้ บสย. เข้าร่วมมาตรการ “ปลดหนี้” (สีฟ้า) จำนวน 100 ราย

**มาตรการปลดหนี้ เปิดใช้เมื่อ ม.ค. 2567 เป็นมาตรการช่วยลูกหนี้กลุ่มสีเขียวต่อเนื่องที่ผ่อนชำระดี 3 งวดติดต่อกัน และต้องการปลดหนี้ โดย บสย. ลดเงินต้นให้ 15% **

“ผลสำเร็จจากมาตรการช่วยลูกหนี้แก้หนี้ยั่งยืน โครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มาจากการพัฒนาโมเดลที่ยืดหยุ่น รองรับความสามารถในการชำระหนี้ 3 ระดับ (ม่วง เหลือง เขียว) ช่วยลูกหนี้ ตัวเบา ลดต้นทุนทางการเงิน “ตัดต้นก่อนตัดดอก” และ “ดอกเบี้ย 0%” โดยมีลูกหนี้กลุ่มที่ยังจ่ายไหวแต่ต้องการปลอดดอก (สีเขียว) 78% ลูกหนี้กลุ่มที่จ่ายไหวเพียงบางส่วน (สีเหลือง) 14% และลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง (สีม่วง) 8% ขณะที่ ลูกหนี้ “ปลดหนี้” (สีฟ้า) สามารถปลดหนี้สำเร็จ เดินหน้าธุรกิจต่อไปได้กว่า 100 รายและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่ง บสย. ตั้งเป้าช่วยเหลือลูกหนี้ปลดหนี้ อีกกว่า 100 ราย” นายสิทธิการ กล่าว

บสย. เร่งสยายปีกขับเคลื่อนเชิงรุก ครึ่งปีหลัง

นายสิทธิกร กล่าวว่า การดำเนินงานครึ่งปีหลัง บสย. วาง 3 เป้าหมาย พร้อมเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ ทั้งกลุ่มเปราะบาง กลุ่มธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม กลุ่มผู้ประกอบการหน้าใหม่สตาร์ทอัพ และกลุ่มธุรกิจ 8 อุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล IGNITE Thailand

1.ขับเคลื่อนโครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs ยั่งยืน (PGS 11 ) วงเงิน 50,000 ล้านบาท ร่วมกับ 18 ธนาคารพันธมิตร โดยกระทรวงการคลังช่วยลดภาระต้นทุน SMEs การเงิน จ่ายค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อแทนผู้ประกอบการ 1-4 ปีแรก และพิเศษสุด สำหรับผู้ประกอบการกลุ่ม SMART GREEN ที่ดำเนินกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ESG และ กำลังปรับธุรกิจสู่ สังคม Carbon ต่ำ บสย. ฟรี ค่าธรรมเนียม 4 ปีแรก พร้อมลดค่าธรรมเนียมค้ำประกันลงอีก 0.25% เหลือ 1.5% ต่อปี จะเป็นกลไกการขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งเป้าทั้งโครงการ ช่วย SMEs 77,000 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 200,000 ล้านบาท ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินกว่า 60,000 ล้านบาท และรักษาการจ้างงาน 550,000 ล้านบาท

“ขณะนี้มีธนาคารเริ่มทยอยส่งคำขอค้ำประกันสินเชื่อมาแล้ว คาดว่า ภายในสิ้นปี 2567 กลไกค้ำประกันสินเชื่อ จากโครงการ “บสย. SMEs ยั่งยืน” จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยผู้ประกอบการ SMEs ได้สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง ไม่น้อยกว่า 46,000 ราย และสร้างสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินกว่า 30,000 ล้านบาท ”

2.ตั้งเป้าช่วยลูกหนี้ SMEs และ Micro SMEs ที่ถูกเคลม เข้าร่วมมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เป็นเม็ดเงินปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้มาตรการ 3 สีจำนวน 2,500 ล้านบาท หรือราว 4,000 ราย และสนับสนุนช่วยลูกหนี้ “ปลดหนี้” โดย บสย. ลดเงินต้น 15% คาดว่าจะมีลูกหนี้ร่วมปลดหนี้สะสมรวมมากกว่า 200 ราย
3.ตั้งเป้าขยายเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานและองค์กรพันธมิตร ตามเป้าหมาย “บสย. SMEs Gateway” เชื่อมโยง ผู้ประกอบการและเครือข่ายสนับสนุนองค์ความรู้ทางการเงิน โดยศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs และเข้าถึงเครือข่ายพันธมิตรผ่านช่องทาง LINE OA : @tcgfirst เพื่อเตรียมพร้อมผู้ประกอบการก่อนขอสินเชื่อ และการค้ำประกันสินเชื่อ โดยในช่วง 6 เดือนแรก บสย. ได้ขยายเครือข่ายพันธมิตร เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ 9 องค์กรใหญ่ ได้แก่

1.กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โครงการ “ดีพร้อม ส่งเสริม SMEs เข้าถึงแหล่งทุน” 2. มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โครงการ “DPU สร้างธุรกิจสร้างมืออาชีพ” 3.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุน กลุ่มสตาร์ทอัพ 4.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ในการร่วมกันพัฒนาองค์กร 5.บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด “โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ไทย” 6.มูลนิธิคีนันแห่งเอเชีย “โครงการพัฒนาศักยภาพผู้สูงวัย สร้างผู้ประกอบการสูงวัย” 7.บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี่ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ค้ำประกันสินเชื่อแฟรนไชส์ “กาแฟพันธุ์ไทย” 8.การไฟฟ้านครหลวง ร่วมยกระดับธุรกิจด้วยการใช้พลังงานสะอาด และ 9.กองทุน TED Fund .-515 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]