กรุงเทพฯ 27 มิ.ย. – “ดร.จิราพร” ซีอีโอใหม่ EGCO Group โชว์วิสัยทัศน์ “เสริมศักยภาพ เพิ่มโอกาส เพื่อการเติบโต อย่างยั่งยืน มุ่งเพิ่มกำลังผลิต สร้างรายได้ กำไร และสมดุล ESG ปีนี้ขยายงานเพิ่มกำลังผลิต ราว 1 พันเมกะวัตต์ เตรียมขอบอร์ดขยายวงเงินลงทุนมากกว่าแผนเดิม 3 หมื่นล้านบาท พร้อมลงทุนในไทยรับ PDP 2024 และ Direct PPA
ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เปิดเผยในปีนี้จะมีกำลังผลิตเข้าใหม่ จากโครงการที่กำลังก่อสร้าง ราว 300-400 เมกะวัตต์ จากขณะนี้มีมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 7,003 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) ใน 8 ประเทศ และกำลังเจรจาอีก 3-4โครงการ เพื่อซื้อและควบรวมกิจการทั้งในไทยและสหรัฐ หากสำเร็จก็จะทำให้ กำลังผลิตเพิ่มขึ้นรวมเป็น 1,000 เมกะวัตต์จากปีที่แล้วก็จะทำให้ รายได้ ขององค์กรเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ วงเงินลงทุนใหม่ในปีนี้ก็กำลังจะเสนอบอร์ดขอเพิ่มขึ้นจากแผนเดิม 3 หมื่นล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อมในการขยายกิจการ ตามวิสัยทัศน์ “เสริมศักยภาพ เพิ่มโอกาส เพื่อการเติบโตของ EGCO Group อย่างยั่งยืน” เดินหน้าสานต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจ “Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth” มุ่งผลักดัน 3 เป้าหมายสำคัญ เพิ่มกำลังผลิตใหม่ควบคู่กับการบริหาร Portfolio ให้มีประสิทธิภาพ สร้างรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม ตามกรอบ ESG ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้ผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน
สำหรับโครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังงานหลักให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ใช้ไฮโดรเจนหรือแอมโมเนียเป็นเชื้อเพลิงผสมในการผลิตไฟฟ้า ในขณะนี้กำลังศึกษาพัฒนาในโรงไฟฟ้าถ่านหินบีแอลซีพี มีการศึกษาใช้เทคโนโลยี CCS หรือ CCUS เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดใน Portfolio เพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2573 สำหรับการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2567 เร่งรัดบริหารโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนงานเพื่อสร้างรายได้และกำไรให้ EGCO Group เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเร่งรัดการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน ปัจจุบันได้ติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) แล้วเสร็จรวม 75 ต้น เชื่อมั่นว่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จครบ 80 ต้น กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ภายในปีสิ้นปีนี้ ตามแผนที่กำหนด
“ผลดำเนินงานครึ่งปีหลัง มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโต ทั้งการเพิ่มกำลังผลิตใหม่และการสร้างรายได้และกำไร ได้แก่ การรับรู้รายได้จากการทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโครงการ Yunlin การรับรู้รายได้ของ APEX ในสหรัฐอเมริกา จากการขายโครงการและจาก 7 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งมีแผนจะก่อสร้างเสร็จภายในปี 2567 การรับรู้รายได้จากการลงทุนใน CDI ในอินโดนีเซีย และกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐอเมริกา ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Paju ES ในเกาหลีใต้ ซึ่งสามารถทำกำไรได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในรูปแบบ M&A รวมทั้งโอกาสในการเจรจาสัญญาใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ โดยอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดสัญญา ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2567” ดร.จิราพร กล่าว
ส่วนการลงทุนใน CDI ในอินโดนีเซีย มีความร่วมมือที่ก้าวหน้า โดยมีแผนพัฒนาโครงการเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและสนับสนุนพันธกิจในการพัฒนาพลังงานสีเขียว ได้แก่ โครงการFloating Solar ,Solar Rooftop กำลังผลิตรวม 35 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 และทยอยเสร็จ ภายในปี 2568 นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการแสวงหาโอกาสในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ตลอดจนศึกษาเพื่อเตรียมขยายกำลังผลิตของโรงไฟฟ้า KPE เพื่อรองรับโรงงานแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม Krakatau Posco ส่วนในประเทศ EGCO Group มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศ กำลังผลิตประมาณ 3,600 เมกะวัตต์ ส่วนขยาย ที่ภาครัฐจะเปิดเพิ่มเติมในรอบที่ 2 รวมถึงการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ภายใต้ร่างแผน PDP 2024 ตลอดจนยังได้ศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขายไฟฟ้าตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA)ที่รัฐส่งเสริมนำร่อง 2 พันเมกะวัตต์ ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) ในอนาคตด้วย โดยเฉพาะนิคมฯของบริษัทที่กำลังพัฒนาในระยอง ซึ่งจะเปิดตัวในปีหน้า. -511- สำนักข่าวไทย