ธนาคารไทยเครดิตแจงลูกค้าร้องถูกโกงขายพ่วงทำประกันชีวิต

กรุงเทพฯ 7 พ.ค.-จากกรณีที่ ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี ของธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน ในรายการ กรณีขอสินเชื่อและสงสัยว่าอาจถูกโกงค่าดำเนินการและพ่วงการทำประกันชีวิตโดยไม่ผ่านการยินยอมนั้น


ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ไม่ได้นิ่งนอนใจ และเร่งสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่า ธนาคารฯ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนปกติ และถูกต้องตามหลักเกณฑ์ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยขอชี้แจงเป็นประเด็นดังต่อไปนี้

1. ลูกค้าขอกู้วงเงินสินเชื่อเพื่อหมุนเวียนในธุรกิจ โดยได้รับการค้ำประกันจาก บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พนักงานธนาคารฯ ได้แจ้งรายละเอียดกับลูกค้า ซึ่งลูกค้าได้ลงนามในสัญญาเงินกู้และเอกสารรับเงินกู้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ธนาคารฯ ได้ส่งใบแจ้งหนี้ที่ระบุยอดหนี้และยอดผ่อนชำระหนี้ในแต่ละงวดให้ลูกค้าทราบทุกเดือน


2. ประเด็นเรื่องการทำประกันชีวิต

ลูกค้าได้สมัครทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อจำนวน 2 กรมธรรม์ (ในชื่อลูกค้าและสามีชาวต่างชาติของลูกค้า) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองผู้ทำประกัน กรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน (ลูกค้าเสียชีวิต) บริษัทประกันชีวิตจะชำระหนี้ทั้งหมดกับธนาคารฯ และคืนเงินส่วนที่เหลือให้กับผู้รับผลประโยชน์ตามที่ผู้สมัครได้ระบุในคำขอทำประกัน โดยมีค่าเบี้ยประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อตามทุนประกัน ที่เท่ากับวงเงินสินเชื่อที่ลูกค้าขอกู้ นอกจากนี้ ลูกค้ายังได้สมัครทำประกันสุขภาพ จำนวน 2 กรมธรรม์ (ในชื่อลูกค้าและสามีชาวต่างชาติของลูกค้า) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชดเชยรายได้ให้กับผู้ทำประกัน กรณีเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ทั้งนี้ การสมัครทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพทุกกรมธรรม์ ลูกค้ามีการลงลายมือชื่อของลูกค้าและสามีชาวต่างชาติของลูกค้าอย่างชัดเจน ในกรณีสามีของลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาตินั้น พนักงานของธนาคารฯ ได้อธิบายขั้นตอนการทำประกันโดยมีลูกค้าเป็นผู้แปลให้สามีฟัง ซึ่งพนักงานของธนาคารฯ ยังได้มีการสนทนากับลูกค้าผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE และลูกค้าได้นำส่งเลขประจำตัวผู้เสียภาษีเพื่อนำไปสมัครทำประกันชีวิตของสามีลูกค้าด้วย


3. กรณีค่าธรรมเนียม บสย.

ลูกค้าได้รับการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ BI7 ซึ่งมีค่าธรรมเนียมในปีแรกและปีต่ออายุไม่เท่ากัน โดยลูกค้าได้ชำระเงินตามเงื่อนไขโครงการฯ ซึ่งธนาคารฯ นำส่ง บสย. เต็มจำนวน โดยธนาคารฯ ได้ชี้แจงรายละเอียด และลูกค้าได้ลงนามรับทราบถึงเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ในเอกสารการขอสินเชื่อและใบคำขอการค้ำประกันอย่างครบถ้วนและถูกต้อง

4. ประเด็นการแจ้งยกเลิกประกันและแจ้งสิทธิให้ลูกค้าทราบ

ในขั้นตอนการขาย นอกจากพนักงานขายที่ทำหน้าที่นำเสนอและขายให้กับลูกค้าแล้ว ธนาคารฯ ยังมีกระบวนการ Welcome Call ซึ่งจะมีพนักงานอีก 1 ทีม โทรติดต่อลูกค้า เพื่อชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้กับลูกค้าเพิ่มเติม รวมถึงอธิบายและทำความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ประกัน และค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงแจ้งสิทธิเรื่องการยกเลิกประกัน ว่าสามารถทำได้หากลูกค้าไม่มีความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ประกัน ซึ่งหากลูกค้ามีความเข้าใจผิดพลาด หรือสงสัยในรายละเอียด หรือต้องการยกเลิกประกันต่างๆ ธนาคารฯ ก็จะประสานงานยืนยัน และทำการยกเลิกให้กับลูกค้าได้

5. ประเด็นเรื่องพนักงานที่ดูแลลูกค้ามีตัวตนจริงหรือไม่ และได้ชี้แจงรายละเอียดการขายต่างๆให้ลูกค้ารับทราบทั้งหมดหรือไม่

พนักงานที่ดูแลลูกค้ารายนี้ มี 2 ท่านคือ 1. ผู้จัดการเขตลูกค้าธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (ตำแหน่งระดับผู้ช่วยผู้อำนวยการ) และ 2. ผู้จัดการความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (RM) โดยปัจจุบันพนักงานทั้ง 2 ท่านยังคงเป็นพนักงานของธนาคารไทยเครดิต และจากการสอบสวนพนักงานและให้พนักงานชี้แจงรายละเอียดการติดต่อ การขายสินเชื่อและประกัน พนักงานยืนยันว่าได้ไปพบลูกค้า ณ ที่ตั้งกิจการ พร้อมมีการอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ลูกค้ารับทราบอย่างถูกต้องครบถ้วน และลูกค้าได้ตกลงใช้บริการ ทั้งสินเชื่อและประกัน โดยมีเอกสารแนบต่างๆ ที่ลูกค้าได้ลงนามไว้ ทั้งใบสมัครสินเชื่อ ใบสมัครประกัน เอกสารสัญญาเงินกู้ และเอกสารแจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ ครบถ้วน พร้อมทั้งแนบหลักฐานการติดต่อและการสนทนากับลูกค้าผ่านทางไลน์ โดยลูกค้าได้พูดคุยกับพนักงานและรับทราบขั้นตอนและเงื่อนไขต่างๆ เป็นอย่างดี

ขณะนี้ธนาคารฯ อยู่ระหว่างการทำสรุปเหตุการณ์ และจะเข้าไปพบลูกค้าอีกครั้ง เพื่อสรุปความเข้าใจในเอกสารและขั้นตอนการทำงานของพนักงาน รวมถึงชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้น และหากมีข้อมูลใดที่ลูกค้ามีไม่ตรงกับที่ทางพนักงานแจ้งมา ธนาคารฯ พร้อมรับฟังและดำเนินการแก้ไขตามขั้นตอนและกระบวนการของธนาคารฯ โดยเร็วที่สุดต่อไป

ธนาคารฯ ขอยืนยันว่า ธนาคารฯ ให้ความสำคัญกับการขายที่เป็นธรรม (Market Conduct) รวมถึงการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการทำงานของพนักงานในการดูแลลูกค้าและการขายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า ตลอดจนมีกระบวนการตรวจสอบการทำงานของพนักงานให้ถูกต้องตามหลักปฏิบัติ ไม่บังคับขาย และแจ้งสิทธิต่างๆ ของลูกค้าแล้วอย่างครบถ้วน รวมถึงมีบทลงโทษที่ชัดเจน หากพนักงานไม่ปฏิบัติตามหลักปฏิบัติที่ธนาคารฯ กำหนด 

นอกจากนี้ธนาคารฯ ยังมีช่องทางรับเรื่องร้องเรียนให้ลูกค้าสามารถแจ้งเบาะแสการทุจริตหรือข้อร้องเรียนต่างๆ ได้ผ่านเว็บไซต์หรือสื่อโซเชียลมีเดียของธนาคารฯ สาขาธนาคารฯ และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) 02 697 5454 โดยธนาคารฯ จะแจ้งข้อมูลให้ผู้ร้องเรียนทราบถึงขั้นตอนและระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการ ธนาคารฯ พร้อมดูแลลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุดในการใช้บริการของธนาคารฯ.-511-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง