“ปานปรีย์” ชี้การเปลี่ยนผ่านพลังงานคือหัวใจสำคัญเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

กรุงเทพฯ 30 มี.ค. – “ปานปรีย์” เผยไทยมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2065 ชี้การเปลี่ยนผ่านพลังงานคือหัวใจของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไทยเสนอเป็นฐานผลิตสหรัฐ-อียู แทนจีน ในอุตสาหกรรม “ยานยนต์ไฟฟ้า-ดิจิทัล-เอไอ” พร้อมเร่งแก้ปัญหา ฝุ่น PM 2.5 ระดับนานาชาติ


นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขึ้นกล่าวปฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Thailand Net Zero Strategy 2065” ในงานเสวนา “Thailand Net Zero 2024 – Now or Never” โดยระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมความร่วมมือกับนานาประเทศในการลดการปล่อยลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยมีแนวทางปฎิบัติใน 3 ด้าน ได้แก่ ภูมิรัฐศาสตร์กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การพัฒนาประเทศควบคู่กับการปกป้องสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และจุดยืนของประเทศไทยการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ

สำหรับภูมิรัฐศาสตร์กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้น ปัจจุบันโลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐ ยังมีสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงความมั่นคงทางด้านพลังงาน เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อประชาคมโลกในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นนโยบายการดำเนินการของไทย จึงต้องขึ้นอยู่กับนโยบายการส่งเสริมการลงทุน นโยบายอุตสาหกรรมสีเขียว การส่งเสริมขีดความสามารถและการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์เพื่อส่งเสริมการปกป้องสภาพภูมิอากาศที่ยั่งยืน


ด้านการพัฒนาประเทศควบคู่กับการปกป้องสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ขณะนี้การปกป้องสภาพภูมิอากาศไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นปัจจัยในการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังนั้นทุกประเทศต้องร่วมกันในระดับความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละประเทศ การเปลี่ยนผ่านพลังงานถือเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศโดยในการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28 (COP28) เมื่อปลายปี 2566 ที่ประเทศต่างๆ กำหนดเป้าหมายทางพลังงานร่วมกัน ในการเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน ประเทศไทยจึงต้องขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานภายในประเทศเพื่อตอบสนองความมุ่งมั่นประชาคมโลก เพื่อเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงความกินดีอยู่ดีของประชาชนเป็นที่ตั้ง

“ประเทศไทยเสนอเป็นฐานการผลิตของสหรัฐและสหภาพยุโรปที่กำลังเปลี่ยนผ่านฐานการลงทุนออกจากจีน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมด้านพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัลและเอไอ เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตทางนวัตกรรม อีกสิ่งหนึ่งคือการให้ความสำคัญคือการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและนวัตกรรมจากพลังงานทดแทน และเพื่อมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2065 ซึ่งไทยเองต้องติดตามมาตรการต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการนำมาตรการเหล่านี้มากีดกันทางการค้า และสร้างกลไกรองรับการค้าและเศรษฐกิจในไทย” นายปานปรีย์ กล่าว

นอกจากนี้ ไทยยังเร่งพัฒนาการเศรษฐกิจ ไทยสีเขียวให้เทียบเท่ามาตรฐานโลก อาทิ โครงการที่มุ่งส่งเสริมให้ภาคธุรกิจดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด กองทุน ThaiESG ที่สามารถนำไปหักภาษีเงิน และหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนที่มุ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและภาครัฐลงทุนสำหรับกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยกลไกเหล่านี้เป็นทางที่จะสามารถต่อยอดและขยายผลจากความสำเร็จสู่การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศต่อไปได้ ยังมีการเร่งดำเนินทางการค้าเศรษฐกิจเชิงรุกลงสู่เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาได้มีการเจรจาหารือกับผู้นำในหลายประเทศเพื่อเจรจาหารือมุ่งสู่อุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่ เขตการค้าเสรี (FTA) และเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ที่เน้นส่งเสริมการค้าที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


ในด้านจุดยืนของประเทศไทยกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นั้น ประเทศไทยส่งตัวแทนภาครัฐ ภาคประชาสังคมและภาคเอกชน ร่วมกำหนดนโยบายในเวทีต่างประเทศด้านภูมิอากาศอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ และการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Conference of Parties: COP) ทั้งนี้ ไทยได้รับการประเมินว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอันดับ 9 จาก 180 ประเทศทั่วโลก ในดัชนีความเสี่ยงด้านภูมิอากาศโลก ( Global Climate Risk Index )

ขณะที่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีการบูรณาการหน่วยงานเต็มที่เพื่อเร่งแก้ปัญหาทั้งในบริบทของประเทศไทยเอง และการขับเคลื่อน พ.ร.บ.อากาศสะอาด ในกรอบอาเซียน ภายใต้ความตกลงกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษ โดยในปี 2566 มีการตั้งกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการดำเนินการที่ทันต่อการแสดงความมุ่งมั่นให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การดำเนินการเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศกำลังพัฒนาต้องการได้รับการสนับสนุนเสริมสร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่องทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศพร้อมและยินดีที่จะที่จะประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม มองว่าเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกัน เพื่อแสวงหาวิธีการแนวทางใหม่ๆ ก้าวข้ามความท้าทายและลงมือทำเพื่อให้ไทยบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 เป็นสังคมคาร์บอนจำที่แท้จริงตลอดไป.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย