“ปานปรีย์” ชี้การเปลี่ยนผ่านพลังงานคือหัวใจสำคัญเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

กรุงเทพฯ 30 มี.ค. – “ปานปรีย์” เผยไทยมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2065 ชี้การเปลี่ยนผ่านพลังงานคือหัวใจของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไทยเสนอเป็นฐานผลิตสหรัฐ-อียู แทนจีน ในอุตสาหกรรม “ยานยนต์ไฟฟ้า-ดิจิทัล-เอไอ” พร้อมเร่งแก้ปัญหา ฝุ่น PM 2.5 ระดับนานาชาติ


นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขึ้นกล่าวปฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Thailand Net Zero Strategy 2065” ในงานเสวนา “Thailand Net Zero 2024 – Now or Never” โดยระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมความร่วมมือกับนานาประเทศในการลดการปล่อยลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยมีแนวทางปฎิบัติใน 3 ด้าน ได้แก่ ภูมิรัฐศาสตร์กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การพัฒนาประเทศควบคู่กับการปกป้องสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และจุดยืนของประเทศไทยการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ

สำหรับภูมิรัฐศาสตร์กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้น ปัจจุบันโลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐ ยังมีสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงความมั่นคงทางด้านพลังงาน เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อประชาคมโลกในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นนโยบายการดำเนินการของไทย จึงต้องขึ้นอยู่กับนโยบายการส่งเสริมการลงทุน นโยบายอุตสาหกรรมสีเขียว การส่งเสริมขีดความสามารถและการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์เพื่อส่งเสริมการปกป้องสภาพภูมิอากาศที่ยั่งยืน


ด้านการพัฒนาประเทศควบคู่กับการปกป้องสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ขณะนี้การปกป้องสภาพภูมิอากาศไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นปัจจัยในการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังนั้นทุกประเทศต้องร่วมกันในระดับความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละประเทศ การเปลี่ยนผ่านพลังงานถือเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศโดยในการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28 (COP28) เมื่อปลายปี 2566 ที่ประเทศต่างๆ กำหนดเป้าหมายทางพลังงานร่วมกัน ในการเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน ประเทศไทยจึงต้องขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานภายในประเทศเพื่อตอบสนองความมุ่งมั่นประชาคมโลก เพื่อเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงความกินดีอยู่ดีของประชาชนเป็นที่ตั้ง

“ประเทศไทยเสนอเป็นฐานการผลิตของสหรัฐและสหภาพยุโรปที่กำลังเปลี่ยนผ่านฐานการลงทุนออกจากจีน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมด้านพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัลและเอไอ เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตทางนวัตกรรม อีกสิ่งหนึ่งคือการให้ความสำคัญคือการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและนวัตกรรมจากพลังงานทดแทน และเพื่อมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2065 ซึ่งไทยเองต้องติดตามมาตรการต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการนำมาตรการเหล่านี้มากีดกันทางการค้า และสร้างกลไกรองรับการค้าและเศรษฐกิจในไทย” นายปานปรีย์ กล่าว

นอกจากนี้ ไทยยังเร่งพัฒนาการเศรษฐกิจ ไทยสีเขียวให้เทียบเท่ามาตรฐานโลก อาทิ โครงการที่มุ่งส่งเสริมให้ภาคธุรกิจดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด กองทุน ThaiESG ที่สามารถนำไปหักภาษีเงิน และหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนที่มุ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและภาครัฐลงทุนสำหรับกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยกลไกเหล่านี้เป็นทางที่จะสามารถต่อยอดและขยายผลจากความสำเร็จสู่การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศต่อไปได้ ยังมีการเร่งดำเนินทางการค้าเศรษฐกิจเชิงรุกลงสู่เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาได้มีการเจรจาหารือกับผู้นำในหลายประเทศเพื่อเจรจาหารือมุ่งสู่อุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่ เขตการค้าเสรี (FTA) และเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ที่เน้นส่งเสริมการค้าที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


ในด้านจุดยืนของประเทศไทยกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นั้น ประเทศไทยส่งตัวแทนภาครัฐ ภาคประชาสังคมและภาคเอกชน ร่วมกำหนดนโยบายในเวทีต่างประเทศด้านภูมิอากาศอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ และการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Conference of Parties: COP) ทั้งนี้ ไทยได้รับการประเมินว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอันดับ 9 จาก 180 ประเทศทั่วโลก ในดัชนีความเสี่ยงด้านภูมิอากาศโลก ( Global Climate Risk Index )

ขณะที่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีการบูรณาการหน่วยงานเต็มที่เพื่อเร่งแก้ปัญหาทั้งในบริบทของประเทศไทยเอง และการขับเคลื่อน พ.ร.บ.อากาศสะอาด ในกรอบอาเซียน ภายใต้ความตกลงกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษ โดยในปี 2566 มีการตั้งกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการดำเนินการที่ทันต่อการแสดงความมุ่งมั่นให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การดำเนินการเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศกำลังพัฒนาต้องการได้รับการสนับสนุนเสริมสร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่องทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศพร้อมและยินดีที่จะที่จะประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม มองว่าเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกัน เพื่อแสวงหาวิธีการแนวทางใหม่ๆ ก้าวข้ามความท้าทายและลงมือทำเพื่อให้ไทยบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 เป็นสังคมคาร์บอนจำที่แท้จริงตลอดไป.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอ เข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอ เข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

ศึกชิงนายก อบจ.เพชรบุรี แชมป์เก่ายังแรง

เลือกตั้งนายก อบจ.เพชรบุรี ไม่คึกคัก ผลไม่เป็นทางการ “ชัยยะ อังกินันทน์” แชมป์เก่า คะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่ง ด้านเลขาฯ กกต. เผยภาพรวมทั้ง 3 จังหวัด คนมาใช้สิทธิน้อย คาดเบื่อเลือกตั้ง 2 รอบ