กรุงเทพฯ 15 มี.ค.-คลังจับมือแบงก์รัฐ เร่งแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ดึง ธ.ออมสิน ธ.ก.ส. ปล่อยกู้ 15,000 ล้านบาท รายละไม่เกิน 20,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน พร้อมไกล่เกลี่ยหนี้ เติมทุนพัฒนาอาชีพ
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ร่วมกับสมาคมแบงก์รัฐ ร่วมมือแก้ปัญหาเชิงรุกใน 3 มิติอย่างครบวงจร ประกอบด้วย (1) ด้านการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบ (2) ด้านการบังคับใช้กฎหมาย และ (3) ด้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน โดยมีสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 15,000 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 20,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน (Flat rate) ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 6 งวดแรก และระยะเวลาคืนเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 3 ปี
หากผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ เป็นผู้ประกอบอาชีพทั่วไปสามารถติดต่อได้ที่ธนาคารออมสิน และหากเป็นเกษตรกรสามารถติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส. นอกจากนี้ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ยังมีโครงการสินเชื่ออื่นสำหรับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ต้องการสินเชื่อเพื่อนำไปชำระหนี้นอกระบบผ่านมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ เช่น โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชนโดยธนาคารออมสิน (วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0.75 ต่อเดือน) สินเชื่อเพื่อชำระหนี้นอกระบบโดย ธ.ก.ส. (วงเงินสินเชื่ออนุมัติรายละไม่เกิน 200,000 บาท หรือในกรณีสงวนรักษาที่ดิน วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MRR ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ไม่เกิน 12 ปี) และบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนของธนาคารออมสิน เพื่อให้บริการขายฝากหรือให้สินเชื่อจดจำนองที่ดินอย่างเป็นธรรม อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 7.5 ต่อปี และปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน
ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อจากธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบสำหรับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ ณ วันที่ 14 มีนาคม 2567 มีจำนวน 10,592 ราย แบ่งเป็นผู้ที่เข้าไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือที่ธนาคารทั้งสองแห่งแล้วจำนวน 1,675 ราย (ร้อยละ 15.81) และผู้ที่ยังไม่ได้เข้าไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือที่ธนาคารทั้งสองแห่งจำนวน 8,917 ราย (ร้อยละ 84.19) โดยจากจำนวนผู้ที่เข้ามาติดต่อขอรับความช่วยเหลือ ธนาคารทั้งสองแห่งได้ดำเนินการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไปแล้วจำนวน 525 ราย (ร้อยละ 31.34 ของผู้ที่เข้าไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือที่ธนาคารทั้งสองแห่ง) รวมเป็นจำนวนเงิน 12.02 ล้านบาท สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ ที่ยังไม่ได้เข้าไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือ ธนาคารทั้งสองแห่งได้ดำเนินการเชิงรุกโดยเร่งประชาสัมพันธ์และติดต่อผู้ลงทะเบียนผ่านทางโทรศัพท์ และส่ง SMS ตามข้อมูลที่อยู่ของผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ เพื่อทำการนัดหมายให้เข้ามาติดต่อที่ธนาคารต่อไป
สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านสินเชื่อเนื่องจากคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ ธนาคารทั้งสองแห่งก็ได้ให้ความช่วยเหลือทุกราย โดยการให้คำแนะนำปรึกษา ประกอบด้วย การปรับโครงสร้างหนี้ (ลดยอดผ่อนชำระต่องวดลง และขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้นานขึ้น) การให้ความรู้ทางการเงิน รวมทั้งการส่งเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูศักยภาพในการหาแหล่งรายได้หรือพัฒนาอาชีพของธนาคารทั้งสองแห่งด้วยแล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ กระทรวงการคลังขอเชิญชวนให้ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ ติดต่อไปยังธนาคารทั้งสองแห่ง โดยธนาคาทั้งสองแห่งพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน และให้ความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ กับประชาชนอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้ส่งเสริมให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบให้แก่ประชาชนรายย่อย ณ เดือนมกราคม 2567 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และเปิดดำเนินการแล้วสะสมสุทธิ 1,140 ราย ใน 75 จังหวัด และ ณ เดือนธันวาคม 2566 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยสะสมทั้งสิ้น 4 ล้านบัญชี รวมวงเงิน 38,857 ล้านบาท ผู้สนใจขอกู้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ทั้ง 75 จังหวัด ได้ที่ www.1359.go.th.-515-สำนักข่าวไทย