ส.ก.ชวนฟัง ไหวมั้ย..THAILAND การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ฮวงจุ้ย ยุคที่ 9

กรุงเทพ 15 ก.พ.-เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุ สถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้คือ “กบต้ม”คือปรับตัวได้ตลอดเวลา ประชาชนจำนวนมากยังลำบาก ดังนั้นจะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ขณะที่ปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุ แรงงานต่างด้าวในประเทศไทยมี 4 ล้านคน ส่งเงินกลับไปยังประเทศของตนเดือนละ 1 แสนล้านบาท ส่วนกลางปีนี้จะเห็นตัวเลขค่าแรงขั่นต่ำ 400 บาทแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละจังหวัดด้วย


สมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงาน SK speak #ไหวมั้ย..THAILAND การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ฮวงจุ้ย ยุคที่ 9 โดยมีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธาน

น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะศิษย์เก่า OSK 87 กล่าวว่า จุดแข็งของประเทศไทย เราอยู่ในสภาพภูมิศาสตร์ที่นิ่งที่สุดและเชื่อมกับประเทศที่มีประชากรมากมาย เช่น อาเซียนประชากร 600-700 ล้านคน จีนประชากร 1,400 ล้านคน แต่เราต้องเดินนโยบายให้ถูกต้อง ประเทศเราต้องไม่เป็นศัตรูกับใครเพราะการเมืองที่แท้จริงคือเรื่องเศรษฐกิจ โดยสถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้คือ “กบต้ม”หมายถึง การปรับตัวได้ตลอดเวลา ที่ผ่านมาไทยเรามีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจ ปี 1994-1996 ขยายตัว 7.5% ปี 1999-2007 ขยายตัว 5.2% ปี 2010-2019 ขยายตัว 3.6% โดยเศรษฐกิจไทยถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤติโควิด ปัจจุบันยังฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ประชาชนจำนวนมากยังลำบาก รายได้ยังไม่ฟื้นตัว คนรวยมีเพียง 10% ของประชากรทั้งประเทศ คนจนมีมากกว่า 50% ของประชากรทั้งประเทศ ถ้าเป็นอย่างนี้ เราจะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีของไทย ทำงานหนักมากทั้งในและต่างประเทศเพื่อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรวมทั้งติดต่อภาคธุรกิจที่เป็นของจริง อย่างไรก็ตามจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ก็เกิดผลดีกับไทย เมื่อสหรัฐอเมริกา ต้องการเลือกประเทศในอาเซียนเพื่อพบปะพูดคุยกับจีน โดยจีนเสนอให้พบกันที่ประเทศไทย เพราะจีนไว้ใจไทยมากที่สุด ทั้งนี้ไทยเรายังมีศักยภาพที่ถูกละเลย ความสามารถที่ซ่อนเร้น คือ ภาคการท่องเที่ยว การบิน การขนส่ง การเกษตร อาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และเศรษฐกิจดิจิทัล สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทย ไปต่อได้และไปไหวตามหัวข้อปาฐกถาในครั้งนี้ มีอยู่ 3 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.ทิศทางเศรษฐกิจที่ดี 2.โครงสร้างพื้นฐานและกฎหมายทางการค้า และ 3.Human Capital เราต้องพัฒนาคนของเรา ซึ่งถ้าถามขณะนี้ว่า ไหวมั้ย..ไทยแลนด์ ขอตอบว่า เราจะต้องทำให้ไหว


นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะศิษย์เก่า OSK 101 กล่าวว่า ในฐานะกระทรวงแรงงานที่ดูแลด้านแรงงาน เรารับผิดชอบเรื่องการหางานให้คนทำรวมทั้งการดูแลแรงงานไทยในต่างประเทศ ปัจจุบันกระทรวงแรงงาน ได้เยียวยาแรงงานไทยในอิสราเอลทั้ง 9,000 คน โดยล่าสุดได้จ่ายเงินเยียวยาคนละ 50,000 บาทให้แรงงานไทยที่ไปทำงานในอิสราเอลไปแล้ว 70% คาดว่าจะจ่ายครบ 100%ในเร็วๆนี้ นอกจากนี้กระทรวงแรงงาน ยังต้องหางานให้คนพิการ ผู้สูงอายุ ในส่วนของแรงงานต่างด้าวจะมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ คือ แรงงานต่างด้าวที่ถูกต้องตามกฎหมายและแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนตามมติ ครม.ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 4 ล้านคน โดยเป็นแรงงานชาวเมียนมา 75% กัมพูชา 17-18% และลาว 5% ทั้งนี้แรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนในระบบจะส่งเงินรายได้กลับไปยังประเทศของตนเองเดือนละประมาณ 1 แสนล้านบาท ถามว่า แบบนี้ จะไหวไหม เราต้องยอมรับความจริงว่า แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในบ้านเรา จะทำในอาชีพที่คนไทยไม่ทำแล้ว เช่น ทำงานในโรงงานตัดหัวปลา งานก่อสร้าง ประมง เพราะแรงงานไทยได้ปรับตัวไปเป็นแรงงานที่มีฝีมือแล้ว ทั้งนี้ในฐานะปลัดกระทรวงแรงงาน ยังมีความเป็นห่วงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ปัญหาคือจะต้องมีความลงตัวทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง โดยกลางปีนี้ จะเห็นตัวเลขค่าจ้างแรงงานวันละ 400 บาทแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละจังหวัดด้วย

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะศิษย์เก่า OSK 101 กล่าวว่า เรื่องพลังงานขณะนี้มีแสงสว่างเพราะตลอดปี 2566 เราใช้พลังงานเหมือนกับในช่วงก่อนโควิด ยกเว้นน้ำมันอากาศยาน แต่การใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น โดยการใช้ไฟฟ้าที่มากที่สุดเกิดขึ้นในช่วงเวลา 21 นาฬิกาของทุกวัน เพราะประชาชนเริ่มเปิดแอร์เพื่อเข้านอน นอกจากนี้ในปี 2566 ยังมีรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนมากถึง 100,219 คัน เพิ่มขึ้น 480% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับก๊าซธรรมชาติ พื้นที่ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่อ้างสิทธิเหลื่อมล้ำกันในเขตไหล่ทวีป คาดว่าจะใช้เวลา 5-6 ปีในการเจรจา

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกของไทยในปี 2566 มีมูลค่า 284,561.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,809,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 1% ซึ่งการส่งออกที่ติดลบ 1% นี้ ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศที่ส่งออกอื่นๆ เราติดลบน้อยที่สุด โดยมีการส่งออก อาหารและผลไม้ เป็นตัวชูโรงเพราะสินค้าเหล่านี้คือสินค้าจากรากหญ้า ซึ่งในปี 2567 การส่งออกอาหารและผลไม้ยังคงดีอยู่ โดยอินโดนีเซียกำลังนำเข้าข้าวจากไทย ทั้งนี้ในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า การส่งออกจะโตได้ 1-2% ถือเป็นงานที่ท้าทายความสามารถของกระทรวงพาณิชย์. 513 .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

“พล.อ.ณัฐพล” เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]