สัมมนา “THAILAND ENERGY EXECUTIVE FORUM” เดินหน้าพลังงานสะอาด

กรุงเทพฯ 14 ก.พ.-เวทีสัมมนา “THAILAND ENERGY EXECUTIVE FORUM” ปลัดพลังงานย้ำเดินหน้าแหล่งผลิตพลังงานในประเทศ ส่งเสริมผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ด้าน ส.อ.ท.ชี้แม้เป้าหมาย Net Zero ไทยช้ากว่าทั่วโลก แต่ต้องทำได้จริง ขณะที่ ปตท. ประเมินราคาน้ำมันปีนี้ 75-80 เหรียญ/บาร์เรล ก๊าซธรรมชาติ 7-12 เหรียญ/ล้านบีทียู

สมาคมวิทยาการพลังงาน ร่วมกับสถาบันวิทยาการพลังงาน จัดงานสัมมนาด้านพลังงานประจำปี ระดับประเทศ “THAILAND ENERGY EXECUTIVE FORUM” โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ขึ้นเป็นประธานในการเปิดงาน และกล่าวปาฐกถากิตติมศักดิ์ในหัวข้อ “จุดเปลี่ยนพลังงานไทยสู่ความยั่งยืน” จากนั้นเป็นการเสวนาแนวทางบริหารจัดการพลังงานของประเทศ


นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีภารกิจในการจัดหาพลังงานพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ โดยในปี 2567 กระทรวงพลังงานมุ่งเน้นการผลิตแหล่งพลังงานในประเทศที่สามารถควบคุมและกำกับการผลิตตามแผนได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง G1/61 ที่ต้องการเร่งการผลิตให้กลับมาในระดับ 800 MMscfd ภายในวันที่ 1 เม.ย.2567 เปิดให้ยื่นขอสิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียมสำหรับการสำรวจบนบกครั้งที่ 25 รวมถึงแสวงหาก๊าซฯ เพิ่มจากแหล่งความร่วมมือระหว่างประเทศ และมุ่งเน้นให้มีการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับที่นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาว่าทั่วโลกกำลังถามหาพลังงานงานสะอาด กระทรวงพลังงานยังมีการขับเคลื่อนของเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่วนใหญ่หรือมากกว่า 70% มาจากการผลิตไฟฟ้าและการขนส่งเป็นหลัก

ทั้งนี้ ได้มีการจัดทำ แผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) โดยยึดหลักสำคัญคือสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ และขับเคลื่อนภาคพลังงานไทย ให้มีทิศทางสอดคล้องกับทิศทางโลก โดยมีจุดประสงค์ดังนี้
1.สนับสนุนประเทศไทยร่วมสู่การใช้และการผลิตพลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประหยัดพลังงาน เพื่อให้คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050
2.สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มศักยภาพการลงทุนของ ผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับตัวเข้าสู่การลงทุนในประเทศที่มีคาร์บอนต่ำตามทิศทางโลก
3.ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศในระยะยาว (LT-LEDS)


ด้านคุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมของบริษัทพลังงานภายใต้การเปลี่ยนพลังงานอย่างยั่งยืน โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงานในช่สวงที่ผ่านมา ได้แก่ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ภาพวะเงินเฟ้อ และสภาพภูมิอากาศแปรปรวน สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดที่น่าสนใจคือการประชุม World Economic Forum ที่ดาวอส ที่มีผู้นำภาครัฐบาลและเศรษฐกิจ ซึ่งมีการสำรวจความคิดเห็นถึงการจัดอันดับความเสี่ยงในระยะสั้นและระยะยาวที่ทั่วโลกต้องเผชิญ โดยปัจจัยความเสี่ยงในระยะสั้น ภายใน 2 ปี ผู้นำส่วนใหญ่กังวล 3 อันดับแรก คือ เรื่องการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร สิ่งแวดล้อม และภูมิรัฐศาสตร์ ส่วนปัจจัยความเสี่ยงระยะยาว 10 ปี กังวลเรื่อง สภาวะภูมิอากาศ ระบบสิ่งแวดล้อมของโลก และอีโคซิสเต็ม จะเห็นว่าในระยาว ส่วนใหญ่กังวลเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น

สำหรับแนวโน้มการใช้พลังงาน พบว่าราคาก๊าซธรรมชาติเหลวในตลาดโลกมีความผันผวนมากขึ้น เช่นเดียวกับราคาน้ำมันโลก ผันผวนเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับ 80 เหรียญ โดยปี 2567 ประเมินราคาน้ำมันอยู๋ที่ 75-80 เหรียญ /บาร์เรล ความต้องการใช้ 103 ล้าน บาร์เรล/วัน โดยแหล่งผลิตไม่ขาดแคลน ส่วนก๊าซธรรมชาติประเมิน 7-12 เหรียญ /ล้านบีทียู ถือเป็นข่าวดีสำหรับภาคธุรกิจและภาคประชาชน แต่ยังต้องติดตามว่าจะมีปัจจัยมากระทบหรือไม่ อาทิ เศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนผ่านพลังงาน ภัยธรรมชาติ เป็นต้น

ขณะที่ในไทย ยังมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังต้องนำเข้าพลังงานทุกรูปแบบ ซึ่ง ปตท. เอง ได้มีการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทยมาโดยตลอด พร้อมวางเครืข่ายและระบบโลจิสติกส์ เพื่อจัดส่งครอบคลุมทั่วประเทศ


ทั้งนี้มองว่าประเทศไทยต้องเร่งสร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้เกิดเป็นรูปธรรม อุตสาหกรรม New S-curve 12 อุตสาหกรรมที่ภาคอุตสาหกรรมต้องขับเคลื่อน และรัฐบาลเป็นพี่เลี้ยงสนับสนุน รวมไปถึง ปตท ด้วยเช่นกัน ที่มีการปรับวิสัยทัศน์ใหม่ ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต มุ่งสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด ระบบกักเก็บพลังงาน และยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร รุกธุรกิจใหม่ ที่ไกลกว่าพลังงาน ผลักดันอุตสาหกรรมใหม่และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย ส่วนโลจิสติกส์ถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นกัน ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อมย ปตท กำหนดเห้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศไทยที่ประกาศในปี 2065

ขณะที่นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของภาคเอกชนเพื่อรองรับทิศทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมภายใต้การเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทายของโลกที่เรากำลังเผชิญ มองว่าปีนี้เป็นเกมของสิ่งแวดล้อม ขณะที่เศรษฐกิจโลกทยอยฟื้นตัวภายใต้ความผันผวน โดย เวิร์ล์แบงก์ คาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลก ปี 2567 ปรับลดเหลือ 2.4% จะทยอยกลับมาขยายตัวเพิ่มที่ 2.7% ในปี 2568 เศราฐกิจประเทศหลักอาจชะลอลง จากนโยบายการเงินที่ตึงตัว การค้าและการลงทุนยังคงมีความไม่แน่นอน และความเสี่ยงทางภูมัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความขัดแย้งมที่อาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานโลก ส่วน WTO ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตการค้าทั่วโลกในปี 2566 เหลือ 0.8๔ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.7% ตามภาคการผลิตโลกที่ชะลอตัว หวั่นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาการกีดกันทางการค้า ที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับไอเอ็มเอฟ ที่มองเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพิ่มจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคาดการณ์เติบโต 4.4% จากคาดการณ์เดิม 3.2% ถือเป็นข่าวดี โดยมีปัจจัยจากมาตรการกระตุ้นทางการคลังเป็นหลัก

สำหรับเป้าหมาย Net Zero ของไทย มองว่าอาจจะเป็นเป้าหมายที่อาจถึงช้ากว่า แต่ต้องทำได้จริง ส่วนใหญ่หลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจ เป้าหมาย Net Zero ในปี2050 ยกเว้น จีนและอินโดนีเซีย เป้าหมาย Net Zero อยู่ที่ปี 2060 ส่วนของไทย เป้าหมาย Net Zero ปลายทางสุด ในปี 2065

สำหรับการเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมเพื่อรับมือ Climate Change ทุกภาคส่วนเน้นเรื่องความยั่งยืน(Sustainability) พลังงานสะอาด (Green Energy) และ Net Zero
โดยในปี 2022 ที่ไทยจัดงาน APEC โดยใช้ธีม BCG และพูดถึง Sustainability มาตั้งแต่ตอนนั้น

ไทยยังเป็นประเทศที่พึ่งหาการส่งออก มากถึง 60% ประเทศส่งออกหลักคือ สหรัฐอเมริกา อียู จึงจำเป้นต้องเร่งปรับตัวเรื่องพลังงานสะอาด ทั้งนี้ ส.อ.ท.มีแนวทางการเตรียมตัวกับผู้ประกอบการของไทย ดังนี้
1.ฉลากคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ ของผลิตภัณฑ์ (CFP)
2.ฉลาดลดคาร์บอนฟุตพรินท์ (carbon footprint reduction)
3.โครงการนำร่องระบบซื้อขายสิทธิ์ในการปล่อยคาร์บอนด้วยความสมัครใจ (volunteer carbon market)

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าค่าไฟฟ้าของไทยสูงกว่าคู่แข่งในภูมิภาค ดังนั้น จึงต้องมีการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักร/อุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการประหยัดพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานพลังงาน, การนำ renewable energy มาใช้มากขึ้น เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ ไบโอแมส และไบโอแก๊ส, ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรม การอบรมให้ความรู้และการเข้าถึงเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงาน, การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาใช้ และส่งเสริมการจัดทำระบบฐานข้อมูลด้านพลังงาน (Energy Database)

นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินโครงการส่งเสริมด้านอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรม (energy point3) ที่จัดขึ้นเป็นรุ่นที่สามแล้ว และยังคงมีการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงโครงการสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานและต้นทุนในอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี.-516.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

Chaos and crowds at Poipet International Border Gate

สื่อกัมพูชาลงภาพคนแออัดที่ด่านปอยเปต

พนมเปญ 8 มิ.ย. – สื่อกัมพูชาเผยแพร่ภาพชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติแออัดที่จุดผ่านแดนถาวรปอยเปต ในเช้าวันนี้ เพื่อรอข้ามแดน หลังจากไทยประกาศมาตรการจำกัดการข้ามแดนระหว่าง 2 ประเทศ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์เผยแพร่ภาพชุดจากเฟรชนิวส์ ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของกัมพูชา เป็นภาพสถานการณ์ที่จุดผ่านแดนถาวรด้านปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาที่ติดกับบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้วของไทย เจ้าหน้าที่กัมพูชารายงานว่า สถานการณ์ช่วงเช้าวันนี้มีคนหนาแน่นมาก หลังจากทางการปรับเวลาเปิดปิดประตูจุดผ่านแดน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ชายแดนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงพูดคุยกันและอำนวยความสะดวกให้แก่การผ่านแดนระหว่างกัน แขมร์ไทมส์รายงานว่า ไทยตัดสินใจปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดประตูแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยได้ปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนถาวรที่เป็นด่านสากลทั้งหมดเป็น 08.00-16.00 น. และปิดประตูที่เป็นด่านทวิภาคี.-814.-สำนักข่าวไทย

Colombian Senator Miguel Uribe

ลอบยิงผู้สมัคร ปธน.โคลอมเบีย เป็นตายเท่ากัน

โบโกตา 8 มิ.ย. – หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียถูกลอบยิงอย่างอุกอาจ ระหว่างปราศรัยหาเสียงต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากในกรุงโบโกตา ภรรยาระบุว่า ขณะนี้อาการเป็นตายเท่ากัน คลิปเหตุการณ์ที่มีผู้บันทึกไว้ได้ เผยให้เห็นวินาทีที่นายมิเกล อูริเบ สมาชิกวุฒิสภา วัย 39 ปี หนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียปี 2569 ถูกมือปืนยิงหมายลอบสังหารขณะกำลังยืนปราศรัยหาเสียงต่อหน้าประชาชนจำนวนมากภายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ผู้คนในที่เกิดเหตุพากันกรีดร้องตกใจ จากนั้นมีเสียงปืนตามมาอีกหลายนัด คาดว่าเป็นการยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอูริเบกับมือปืน มีรายงานผู้ถูกยิงบาดเจ็บเพิ่มอีก 1 คน ขณะที่นายอูริเบซึ่งถูกยิงเลือดอาบ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน พรรคศูนย์กลางประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่นายอูริเบสังกัดอยู่ออกแถลงการณ์ประณามและเปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า คนร้ายยิงจากด้านหลัง ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่แพทย์ว่า เขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด และเข้าที่เข่า 1 นัด ภรรยาของเขาโพสต์ในเอ็กซ์ (X) ว่า สามีอาการเป็นตายเท่ากัน รัฐบาลโคลอมเบียแจ้งในเวลาต่อมาว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน ซึ่งยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ และกำลังสอบสวนว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยได้ตั้งเงินรางวัล 730,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24 ล้านบาท) แก่ผู้แจ้งเบาะแส สื่อท้องถิ่นรายงานว่า […]

สนามบินพร้อมสกัดกลุ่มเทาต่างชาติบินเข้าไทย หลังคุมเข้มเข้า-ออกด่านบก

7 มิ.ย. – ตามที่รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการเข้า-ออกด่านชายแดนทางบก และมีคำสั่งจากกองทัพบกให้อำนาจกองทัพภาคที่ 1 และ 2 พิจารณาคัดกรองการเข้าออกด่านชายแดนทางบก โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี และสระแก้ว โดยมีผลตั้งแต่ 7 มิ.ย.2568 ในส่วนของการเข้าทางอากาศ โดยเฉพาะทางสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มต่างชาติที่ใช้เส้นทางเข้าออกไทย-กัมพูชา หันมาเดินทางเข้าแทนช่องทางบกนั้น วันนี้ (7 มิ.ย.2568 ) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า ตม.สนามบิน พร้อมขานรับนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร ที่มีจุดยืนด้านความมั่นคงชัดเจน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้เคยกำชับการสกัดกั้นคนต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าออกประเทศด้วยฟรีวีซ่าที่ผิดวัตถุประสงค์ และกลุ่มที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด โดยเฉพาะแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ ซึ่งอาจใช้ไทยเป็นแหล่งทำธุรกิจฟอกเงิน จากการทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน และการปิดด่านชายแดน อาจมีกลุ่มต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ใช้เส้นทางเข้าไทยทางเครื่องบินแทนการผ่านแดนทางบก ทาง บก.ตม.2 จึงมีการสั่งการกำชับให้ด่าน ตม.สนามบินในสังกัด โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เพิ่มความเข้มในการเฝ้าสังเกตสกัดกั้นคนต่างชาติลักษณะเสี่ยงดังกล่าว โดยเน้นต่างชาติกลุ่มเฝ้าระวังสัญชาติเพื่อนบ้านที่มีลักษณะการใช้ฟรีวีซ่าเข้าออกผิดประเภท […]

ข่าวแนะนำ

The Ministry of National Defence claims Cambodia has not withdrawn troops from its sovereign territory

กห.กัมพูชายืนยันไม่ได้ถอนทหารจากดินแดนอธิปไตย

พนมเปญ 9 มิ.ย. – กระทรวงกลาโหมแห่งชาติ เน้นย้ำว่า กัมพูชาไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชายึดครองมายาวนาน เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาวันนี้ มีเนื้อหาดังนี้ “ตามแถลงข่าวจากกระทรวงกลาโหมแห่งชาติในวันนี้ กระทรวงฯ ขอชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ดังต่อไปนี้: 1.ไม่มีการถอนกำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชาได้ประจำการมาเป็นเวลานาน 2.การดำเนินการทั้งหมดของกองทัพกัมพูชาประกอบด้วยการประจำการ การจัดวางกำลัง การปรับเปลี่ยน และการเคลื่อนย้าย อยู่ภายในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา 3.กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางออกอย่างสันติสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการรุกรานทุกรูปแบบ 4.กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนกลไกการเจรจาเขตแดนกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการเขตแดนร่วมหรือเจบีซี (JBC) เพื่อดำเนินการวัดแนวเขตแดนและจัดทำเส้นเขตแดนในส่วนที่เหลือระหว่างสองประเทศ รวมถึงจุดที่กัมพูชาจะยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไอซีเจ (ICJ) กระทรวงกลาโหมแห่งชาติขอให้เพื่อนร่วมชาติและสื่อมวลชนใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น โดยเฉพาะแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลกัมพูชาและกระทรวงกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แท้จริง และเชื่อถือได้” .-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เยี่ยมชมจุดเจาะน้ำบาดาล พร้อมดื่มน้ำแร่เลาขวัญ

กาญจนบุรี 9 มิ.ย.-นายกฯ ตรวจราชการ เยี่ยมชม 2 โครงการน้ำบาดาลแก้ภัยแล้ง จ.กาญจบุรี เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นและทั่วถึง เตรียมใช้งบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแก้ปัญหาน้ำ เผยรอยยิ้มของคนกาญจนบุรีเป็นกำลังใจสำคัญในการทำงานของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่จังหวัดกาญจนบุรี 2 แห่ง โดยจุดแรก ที่บ้านปากชัดหนองบัว ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ. กาญจนบุรี โดยมี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมคณะนายกฯ นายกรัฐมนตรีรับฟังบรรยายสรุปจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งเตรียมที่จะมีโครงการเสนอของบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในหมวดโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ 12 โครงการ 3,194 รายการงบประมาณทั้งสิ้น 14,859 ล้านบาท โดยประชาชนจะได้รับประโยชน์กว่า 563,239 ครัวเรือน พื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 134,620 ไร่ และจะเกิดการจ้างงาน 29,214 คนรวมถึงเพิ่มปริมาณน้ำได้ถึง 211.46 ลูกบาศก์เมตรต่อปี […]

ปัตตานีป่วนซ้ำ เก็บกู้ระเบิดลูกที่ 3 ได้สำเร็จ

ปัตตานี 9 มิ.ย. – ปัตตานีป่วนซ้ำ! เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดลูกที่ 3 หลังเกิดเหตุระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่ง เมื่อคืน คาดเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน แต่ลูก 3 ไม่ทำงาน พร้อมเปิดเบาะแสภาพจากกล้องวงจรปิด ป่วนตั้งแต่ 6 โมงเช้า ชาวบ้านพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่หน้าร้านค้า ในตลาดมะกรูด อ.เมือง จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่รีบไปตรวจสอบ โดยใช้หุ่นยนต์เก็บกู้ระเบิด เข้าตรวจสอบในเบื้องต้น พบถุงกระดาษที่ใช้บรรจุกาแฟเย็น ภายในพบแผงวงจรระเบิด ประกอบด้วย หน้าปัดนาฬิกา และสายไฟ เจ้าหน้าที่ปิดกั้นพื้นที่เพื่อความเปลอดภัย จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ใช้อุปกรณ์เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า เป็นระเบิดตั้งเวลาไว้ แต่ไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ปลดชนวด เก็บกู้ได้สำเร็จ เบื้องต้นพบว่า ระเบิดลูกนี้ตั้งเวลาไว้ที่ 2 ทุ่มครึ่ง แต่ระเบิดไม่ทำงาน คาดว่าคนที่นำระเบิดลูกนี้มาวางไว้ น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่วางระเบิด 2 ลูก ที่ตลาดโต้รุ่ง เมื่อคืนนี้ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสจากภาพกล้องวงจรปิด พบผู้ต้องสงสัย […]

ด่านคลองลึกแน่น คนไทย-กัมพูชา รอคิวข้ามแดน

สระแก้ว 9 มิ.ย. – ด่านคลองลึกแน่น! คนไทย-กัมพูชา รอคิวผ่านพรมแดนอรัญประเทศ หลัง 2 ฝั่ง ปรับเวลาเปิด-ปิดด่าน ไม่ตรงกัน บรรยากาศบริเวณด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เช้าตรู่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาจำนวนมากหลั่งไหลมาเข้าคิวเพื่อรอข้ามแดนกันอย่างเนืองแน่น เนื่องจากไทย ปรับเปลี่ยนเวลาการเปิด-ปิดด่านใหม่ ส่งผลให้ประชาชนที่ต้องการเดินทางเข้า-ออกประเทศต้องเร่งรีบมาเข้าคิวแต่เช้ามืด หวังจะได้เดินทางกลับประเทศโดยเร็ว บางคนเดินทางมารอที่ด่านตั้งแต่ ตี 5 อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะเปิดด่านเวลา 08.00 น. แต่กัมพูชายังคงใช้เวลาเปิดด่านตามเดิมคือ 09.00 น. ส่งผลให้ประชาชนทั้งสองฝั่งต้องรอนานขึ้น แถวผู้โดยสารจึงยาวเหยียดล้นออกมานอกบริเวณด่าน สร้างความแออัดและความไม่สะดวกให้กับผู้เดินทางจำนวนมาก ขณะที่บรรยากาศโดยรอบยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่ยังคงทยอยเดินทางเข้ามายังฝั่งไทยไม่ขาดสาย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้งสองฝั่งต้องเร่งมือในการอำนวยความสะดวก รวมถึงจัดระเบียบแถวเพื่อป้องกันความโกลาหล สำหรับประชาชนที่จำเป็นต้องเดินทางข้ามแดนในช่วงนี้ เจ้าหน้าที่แนะนำให้เผื่อเวลาในการเดินทางและตรวจสอบข้อมูลเวลาการเปิด-ปิดด่านของทั้งสองประเทศอย่างละเอียด เพื่อลดความเสี่ยงต่อความล่าช้าและความไม่สะดวก เช่นเดียวกับบริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเปิดด่านชายแดนของไทยและกัมพูชาที่ไม่ตรงกันทำวุ่น โดยเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยได้เปิดประตูด่านช่องจอม ท่ามกลางการเฝ้าสังเกตการณ์ของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายปกครองของไทย แต่ทางประตูของฝั่งกัมพูชาไม่เปิด ทหารไทยพยายามเข้าเจรจาเกี่ยวกับเวลาเปิดด่าน เพื่อให้นักเรียนข้ามไปสอบให้ทันเวลา […]