สัมมนา “THAILAND ENERGY EXECUTIVE FORUM” เดินหน้าพลังงานสะอาด

กรุงเทพฯ 14 ก.พ.-เวทีสัมมนา “THAILAND ENERGY EXECUTIVE FORUM” ปลัดพลังงานย้ำเดินหน้าแหล่งผลิตพลังงานในประเทศ ส่งเสริมผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ด้าน ส.อ.ท.ชี้แม้เป้าหมาย Net Zero ไทยช้ากว่าทั่วโลก แต่ต้องทำได้จริง ขณะที่ ปตท. ประเมินราคาน้ำมันปีนี้ 75-80 เหรียญ/บาร์เรล ก๊าซธรรมชาติ 7-12 เหรียญ/ล้านบีทียู

สมาคมวิทยาการพลังงาน ร่วมกับสถาบันวิทยาการพลังงาน จัดงานสัมมนาด้านพลังงานประจำปี ระดับประเทศ “THAILAND ENERGY EXECUTIVE FORUM” โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ขึ้นเป็นประธานในการเปิดงาน และกล่าวปาฐกถากิตติมศักดิ์ในหัวข้อ “จุดเปลี่ยนพลังงานไทยสู่ความยั่งยืน” จากนั้นเป็นการเสวนาแนวทางบริหารจัดการพลังงานของประเทศ


นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีภารกิจในการจัดหาพลังงานพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ โดยในปี 2567 กระทรวงพลังงานมุ่งเน้นการผลิตแหล่งพลังงานในประเทศที่สามารถควบคุมและกำกับการผลิตตามแผนได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง G1/61 ที่ต้องการเร่งการผลิตให้กลับมาในระดับ 800 MMscfd ภายในวันที่ 1 เม.ย.2567 เปิดให้ยื่นขอสิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียมสำหรับการสำรวจบนบกครั้งที่ 25 รวมถึงแสวงหาก๊าซฯ เพิ่มจากแหล่งความร่วมมือระหว่างประเทศ และมุ่งเน้นให้มีการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับที่นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาว่าทั่วโลกกำลังถามหาพลังงานงานสะอาด กระทรวงพลังงานยังมีการขับเคลื่อนของเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่วนใหญ่หรือมากกว่า 70% มาจากการผลิตไฟฟ้าและการขนส่งเป็นหลัก

ทั้งนี้ ได้มีการจัดทำ แผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) โดยยึดหลักสำคัญคือสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ และขับเคลื่อนภาคพลังงานไทย ให้มีทิศทางสอดคล้องกับทิศทางโลก โดยมีจุดประสงค์ดังนี้
1.สนับสนุนประเทศไทยร่วมสู่การใช้และการผลิตพลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประหยัดพลังงาน เพื่อให้คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050
2.สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มศักยภาพการลงทุนของ ผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับตัวเข้าสู่การลงทุนในประเทศที่มีคาร์บอนต่ำตามทิศทางโลก
3.ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศในระยะยาว (LT-LEDS)


ด้านคุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมของบริษัทพลังงานภายใต้การเปลี่ยนพลังงานอย่างยั่งยืน โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงานในช่สวงที่ผ่านมา ได้แก่ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ภาพวะเงินเฟ้อ และสภาพภูมิอากาศแปรปรวน สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดที่น่าสนใจคือการประชุม World Economic Forum ที่ดาวอส ที่มีผู้นำภาครัฐบาลและเศรษฐกิจ ซึ่งมีการสำรวจความคิดเห็นถึงการจัดอันดับความเสี่ยงในระยะสั้นและระยะยาวที่ทั่วโลกต้องเผชิญ โดยปัจจัยความเสี่ยงในระยะสั้น ภายใน 2 ปี ผู้นำส่วนใหญ่กังวล 3 อันดับแรก คือ เรื่องการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร สิ่งแวดล้อม และภูมิรัฐศาสตร์ ส่วนปัจจัยความเสี่ยงระยะยาว 10 ปี กังวลเรื่อง สภาวะภูมิอากาศ ระบบสิ่งแวดล้อมของโลก และอีโคซิสเต็ม จะเห็นว่าในระยาว ส่วนใหญ่กังวลเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น

สำหรับแนวโน้มการใช้พลังงาน พบว่าราคาก๊าซธรรมชาติเหลวในตลาดโลกมีความผันผวนมากขึ้น เช่นเดียวกับราคาน้ำมันโลก ผันผวนเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับ 80 เหรียญ โดยปี 2567 ประเมินราคาน้ำมันอยู๋ที่ 75-80 เหรียญ /บาร์เรล ความต้องการใช้ 103 ล้าน บาร์เรล/วัน โดยแหล่งผลิตไม่ขาดแคลน ส่วนก๊าซธรรมชาติประเมิน 7-12 เหรียญ /ล้านบีทียู ถือเป็นข่าวดีสำหรับภาคธุรกิจและภาคประชาชน แต่ยังต้องติดตามว่าจะมีปัจจัยมากระทบหรือไม่ อาทิ เศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนผ่านพลังงาน ภัยธรรมชาติ เป็นต้น

ขณะที่ในไทย ยังมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังต้องนำเข้าพลังงานทุกรูปแบบ ซึ่ง ปตท. เอง ได้มีการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทยมาโดยตลอด พร้อมวางเครืข่ายและระบบโลจิสติกส์ เพื่อจัดส่งครอบคลุมทั่วประเทศ


ทั้งนี้มองว่าประเทศไทยต้องเร่งสร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้เกิดเป็นรูปธรรม อุตสาหกรรม New S-curve 12 อุตสาหกรรมที่ภาคอุตสาหกรรมต้องขับเคลื่อน และรัฐบาลเป็นพี่เลี้ยงสนับสนุน รวมไปถึง ปตท ด้วยเช่นกัน ที่มีการปรับวิสัยทัศน์ใหม่ ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต มุ่งสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด ระบบกักเก็บพลังงาน และยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร รุกธุรกิจใหม่ ที่ไกลกว่าพลังงาน ผลักดันอุตสาหกรรมใหม่และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย ส่วนโลจิสติกส์ถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นกัน ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อมย ปตท กำหนดเห้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศไทยที่ประกาศในปี 2065

ขณะที่นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของภาคเอกชนเพื่อรองรับทิศทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมภายใต้การเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทายของโลกที่เรากำลังเผชิญ มองว่าปีนี้เป็นเกมของสิ่งแวดล้อม ขณะที่เศรษฐกิจโลกทยอยฟื้นตัวภายใต้ความผันผวน โดย เวิร์ล์แบงก์ คาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลก ปี 2567 ปรับลดเหลือ 2.4% จะทยอยกลับมาขยายตัวเพิ่มที่ 2.7% ในปี 2568 เศราฐกิจประเทศหลักอาจชะลอลง จากนโยบายการเงินที่ตึงตัว การค้าและการลงทุนยังคงมีความไม่แน่นอน และความเสี่ยงทางภูมัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความขัดแย้งมที่อาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานโลก ส่วน WTO ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตการค้าทั่วโลกในปี 2566 เหลือ 0.8๔ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.7% ตามภาคการผลิตโลกที่ชะลอตัว หวั่นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาการกีดกันทางการค้า ที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับไอเอ็มเอฟ ที่มองเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพิ่มจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคาดการณ์เติบโต 4.4% จากคาดการณ์เดิม 3.2% ถือเป็นข่าวดี โดยมีปัจจัยจากมาตรการกระตุ้นทางการคลังเป็นหลัก

สำหรับเป้าหมาย Net Zero ของไทย มองว่าอาจจะเป็นเป้าหมายที่อาจถึงช้ากว่า แต่ต้องทำได้จริง ส่วนใหญ่หลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจ เป้าหมาย Net Zero ในปี2050 ยกเว้น จีนและอินโดนีเซีย เป้าหมาย Net Zero อยู่ที่ปี 2060 ส่วนของไทย เป้าหมาย Net Zero ปลายทางสุด ในปี 2065

สำหรับการเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมเพื่อรับมือ Climate Change ทุกภาคส่วนเน้นเรื่องความยั่งยืน(Sustainability) พลังงานสะอาด (Green Energy) และ Net Zero
โดยในปี 2022 ที่ไทยจัดงาน APEC โดยใช้ธีม BCG และพูดถึง Sustainability มาตั้งแต่ตอนนั้น

ไทยยังเป็นประเทศที่พึ่งหาการส่งออก มากถึง 60% ประเทศส่งออกหลักคือ สหรัฐอเมริกา อียู จึงจำเป้นต้องเร่งปรับตัวเรื่องพลังงานสะอาด ทั้งนี้ ส.อ.ท.มีแนวทางการเตรียมตัวกับผู้ประกอบการของไทย ดังนี้
1.ฉลากคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ ของผลิตภัณฑ์ (CFP)
2.ฉลาดลดคาร์บอนฟุตพรินท์ (carbon footprint reduction)
3.โครงการนำร่องระบบซื้อขายสิทธิ์ในการปล่อยคาร์บอนด้วยความสมัครใจ (volunteer carbon market)

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าค่าไฟฟ้าของไทยสูงกว่าคู่แข่งในภูมิภาค ดังนั้น จึงต้องมีการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักร/อุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการประหยัดพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานพลังงาน, การนำ renewable energy มาใช้มากขึ้น เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ ไบโอแมส และไบโอแก๊ส, ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรม การอบรมให้ความรู้และการเข้าถึงเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงาน, การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาใช้ และส่งเสริมการจัดทำระบบฐานข้อมูลด้านพลังงาน (Energy Database)

นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินโครงการส่งเสริมด้านอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรม (energy point3) ที่จัดขึ้นเป็นรุ่นที่สามแล้ว และยังคงมีการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงโครงการสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานและต้นทุนในอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี.-516.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

‘ทรัมป์’ – ‘ปูติน’ หารือไร้ข้อสรุปเรื่องยุติสงครามในยูเครน

แองเคอเรจ, อะแลสกา 15 ส.ค. – การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เพื่อยุติหรือพักรบสงครามในยูเครน แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะกล่าวว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม หลังจากการประชุมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ในอะแลสกา ผู้นำทั้งสองได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยระบุว่ามีความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ และไม่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถาม นายทรัมป์ซึ่งปกติเป็นคนช่างพูด กลับเพิกเฉยต่อคำถามที่นักข่าวตะโกนถาม นายทรัมป์กล่าวว่า มีความคืบหน้าบ้าง แต่จะยังไม่มีข้อตกลงใด ๆ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลง ดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้จะไม่ได้นำไปสู่การดำเนินการที่มีความหมายเพื่อหยุดยิงในความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในยุโรปในรอบ 80 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายทรัมป์ได้ตั้งไว้ก่อนการประชุม แต่เพียงแค่การได้นั่งพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ถือเป็นชัยชนะสำหรับนายปูตินแล้ว หลังจากเขาถูกผู้นำชาติตะวันตกกีดกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2022 หลังการประชุมสุดยอด นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ว่าเขาจะชะลอการกำหนดภาษีนำเข้ากับจีนสำหรับการซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังจากที่การเจรจากับนายปูตินมีความคืบหน้า นายทรัมป์ยังเคยขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แม้ว่านายปูตินจะเพิกเฉยต่อเส้นตายหยุดยิงที่นายทรัมป์กำหนดไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในการให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์ นิวส์ นายทรัมป์ยังได้เสนอแนะว่าจะมีการจัดการประชุมระหว่างนายปูตินและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี […]

กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

กทม. 16 ส.ค.-กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเสียหายการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางกระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลเบื้องต้นให้คณะได้รับทราบ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูต ว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกจะนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนขึ้นไปภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ สำรวจความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา.-316.-สำนักข่าวไทย

ไทยมีฝนเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 6 จว.ระวังน้ำท่วม

กทม. 16 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน จ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนล่าง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ […]

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]