นายกฯ ย้ำแก้หนี้ทั้งระบบให้เสร็จภายในรัฐบาลนี้

กรุงเทพฯ 12 ก.พ.-นายกฯ ย้ำแก้หนี้ทั้งระบบ ช่วยเหลือลูกหนี้ใน-นอกระบบ ให้เสร็จสิ้นภายในรัฐบาลชุดนี้ เผยทยอยมีผลสำเร็จเจรจาแก้ไขหนี้ ส่วนหนี้นอกระบบจบหนี้แล้ว 12,000 กรณี มูลหนี้ลดลง 670 ล้านบาท วอนแบงก์ช่วยผ่อนปรนดอกเบี้ยในระบบเรื้อรัง


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำทีมแถลงความคืบหน้าแก้หนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งมีทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ร่วมแถลง โดยยืนยันว่า จะแก้หนี้ทั้งระบบให้เสร็จสิ้นภายในรัฐบาลชุดนี้ โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้บูรณาการทั้งระบบในการแก้ปัญหา มีการจัดตั้งตลาดนัดแก้หนี้ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เปิดให้ลูกหนี้นอกระบบมาลงทะเบียน ประสานเจ้าหนี้ในการเข้ามาแก้ปัญหา ให้ลดดอกเบี้ยเป็นไปตามกฏหมายที่กำหนด และดำเนินคดีกับเจ้าหนี้ที่ใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้ อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า ลูกหนี้บางส่วนไม่ยอมมาลงทะเบียน ขอความร่วมมือในการลงทะเบียน เพื่อให้เกิดการช่วยเหลืออย่างครบวงจรเบ็ดเสร็จ

ส่วนลูกหนี้ในระบบ มีการประสานทั้งลูกหนี้ ในส่วนชาวบ้าน เกษตรกร ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้ง 4 กลุ่ม พร้อมให้สหกรณ์ออมทรัพย์ ลดดอกเบี้ยเหลือไม่เกิน ร้อยละ 4.75 กำหนดนโยบายให้ลูกหนี้ที่มีเงินเดือน ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการครู ตำรวจ กำหนดแผนจะต้องมีเงินเดือนเหลือจากหักหนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 มีการขอให้ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยเข้ามาดูแล ผ่อนปรนดอกเบี้ย ฝึกอาชีพ เพื่อไม่ให้ลูกหนี้กลับไปเป็นหนี้เสียซ้ำอีก นับเป็นแนวทางแก้หนี้ยั่งยืน นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้เรื้อรัง นำไปสู่อัตราการลดดอกเบี้ยในระบบให้ต่ำเหลือร้อยละ 3-5 พร้อมให้ดำเนินการหักเงินเดือนในลักษณะหักเงินต้นและดอกเบี้ยควบคู่กันไปด้วย


สำหรับการแก้หนี้นอกระบบ ตั้งแต่ 1 ธ.ค.66 ไกล่เกลี่ยสำเร็จไปแล้ว 12,000 กรณี มูลหนี้ลดลง 670 ล้านบาท จากผู้ลงทะเบียน 1.4 แสนราย หนี้รวม 9,800 ล้านบาท มีการให้ข้อมูลครบทั้งลูกหนี้-ลูกหนี้ 2.1 หมื่นราย   

สำหรับการดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบดำเนินการ 4 ขั้นบันได

1. ดำเนินการเชิงรุก ประชาสัมพันธ์การลงทะเบียน และเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการแก้หนี้ได้อย่างสะดวก ทาง ก.มหาดไทย ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เปิดตลาดนัดแก้หนี้ในทุกจังหวัด อย่างน้อยเดือนละ 4 หน 

2. เจ้าหน้าที่ตำรวจกวาดล้างเจ้าหนี้นอกระบบ ในส่วนที่ทวงหนี้รุนแรง ทั้งกรณีรับจำนำรถยนต์ จักรยานยนต์ที่ผิดกฎหมาย 

3. มอบ ก.คลัง โดยธนาคารออมสิน, ธ.ก.ส. ร่วมจัดหาแหล่งเงินลงทุนดอกเบี้ยต่ำ หลังการไกล่เกลี่ยหนี้ และจัดพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้เพิ่มแก่ลูกหนี้ ซึ่งได้ย้ำว่า ขอให้ 2 แบงก์รัฐ นำเงินไปช่วยลูกหนี้ที่ยากลำบาก ดีกว่ากอดกำไรเพียงอย่างเดียว  


4. ช่วยเหลือลูกหนี้ไม่ให้กลับมาเป็นหนี้ซ้ำอีก ให้มีรายได้เพิ่ม โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมเสริมทัพ พัฒนาฝีมือแรงงานให้ สร้างรายได้เพิ่ม นับเป็นการแก้หนี้อย่างยั่งยืน

ส่วนลูกหนี้ในระบบ ได้จัดลูกหนี้ออกเป็น 4 กลุ่ม  มีความคืบหน้าตามลำดับ ได้แก่ 

1. ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โควิด-19 หรือลูกหนี้รหัส 21 ได้ช่วยเหลือ 6.3 แสนบัญชี วงเงิน 4 พันล้านบาท คาดว่าราว 3 แสนราย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. จะมีการประสานให้ปิดหนี้ได้ปลาย ก.พ.นี้ ส่วนเอสเอ็มอี จะช่วยให้สถานะการกู้กลับมาปกติ ไม่ติดเครดิตบูโร โดยขณะนี้กำลังช่วยเหลือเอสเอ็มอีราว 1 หมื่นราย วงเงิน 5 พันล้านบาท

2. กลุ่มลูกหนี้รายได้ประจำ แต่มีหนี้เกินศักยภาพ เช่น  ข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร ขอให้สหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ลดดอกเบี้ยเหลือไม่เกินร้อยละ 4.75 ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ รายงานว่ามี 80 สหกรณ์ ทยอยลดดอกเบี้ย คาดจะช่วยได้กว่า 3 พันราย กลุ่มนี้ยังเป็นลูกหนี้บัตรเครดิต 1.5 แสนบัญชี ทางออมสินกำลังเจรจากับภาครัฐ เพื่อสนับสนุนสินเชื่อสวัสดิการ

3. กลุ่มรายได้ไม่แน่นอน เร่งช่วยเกษตรกรพักชำระหนี้ 1 ปี 1.8 แสนราย มูลหนี้ 2.5 แสนล้านบาท เงินกู้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 6 แสนราย ทำแผนช่วยลดภาระปลดหนี้ โดยสามารถลดภาระแล้วราว 3.5 ล้านราย ราว 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายใหม่ของ กยศ. ที่มีการคำนวณเรื่องการคืนหนี้ใหม่  

4. หนี้เสียคงค้างเป็นเวลานาน ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการกำหนดหลักเกณฑ์ร่วมทุนในการให้ธนาคารจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เป็นบริหารสินทรัพย์ โดยธนาคารออมสิน เตรียมร่วมทุนจัดตั้งบริหารทรัพย์สิน ในไตรมาส 1/67 จะมีการโอนหนี้ขายไปยังบริษัทใหม่ และจะช่วยเหลือลูกหนี้แบบผ่อนปรนต่อไป

“2 เดือนนี้ ภาครัฐบูรณาการช่วยเหลือหนี้ทั้งระบบอย่างเต็มที่ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐ เพื่อช่วยให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้ แต่ต้องขอความร่วมมือเจ้าหนี้-ลูกหนี้ สมัครเข้าโครงการให้ข้อมูลอย่างถูกต้อง เพื่อให้แก้ปัญหาตรงจุด โดยลงทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเขต โทร. 1567 หรือศูนย์ดำรงธรรม ขอให้อย่ารอจนเป็นหนี้เสีย ขอให้เชื่อมั่น แก้หนี้สิน จะแก้หนี้ทั้งระบบให้จบในรัฐบาลนี้ให้ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาภาครัฐได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาหนี้ โดยในส่วนของข้าราชการได้เจรจาให้มีการหักเงินเดือนและการชำระหนี้ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของระบบสินเชื่อสวัสดิการที่มีเงินเดือนเหลือราว 30% จึงช่วยกันไกล่เกลี่ยเจรจา ทั้งนี้ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อแก้หนี้ ซึ่งมีแบงก์พาณิชย์บางแห่งให้ความร่วมมือที่ดี ช่วยลดดอกเบี้ยในอัตราผ่อนปรนเหลือร้อยละ 3-5 มีการชำระเงินกู้ ทั้งดอกบี้ยและเงินต้น ก็ช่วยแก้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เป็นอย่างดี คาดหวังธนาคารพาณิชย์ที่เหลือจะให้ความร่วมมือ.-511-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

บ.เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงเหตุไฟไหม้เรือด่วน คาดไฟฟ้าลัดวงจร

14 ก.ย. – บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงการณ์เหตุเพลิงไหม้เรือด่วน มีเรือได้รับความเสียหายหนัก 2 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 18.36 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือด่วนที่จอดเรียงติดกัน จำนวน 3 ลำ โดยมีเรือที่ได้รับความเสียหายหนักจำนวน 2 ลำ และได้รับความเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่เรือได้จอดเลิกงานตามปกติแล้ว บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ไม่มีผู้โดยสารหรือพนักงานอยู่บนเรือ จึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าที่ต่อจากท่าเรือไปชาร์จแบตเตอรี่ในเรือต้นเพลิงลัดวงจร โดยเรือทั้งหมดได้เข้ามาจอดเลิกงานเวลา 18.15 น. และไม่ได้อยู่ระหว่างให้บริการ เมื่อเกิดเหตุ พนักงานประจำพื้นที่ได้เข้าดับเพลิงเบื้องต้นทันที พร้อมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ และสามารถควบคุมเพลิงได้ภายในระยะเวลา 45 นาที ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อวางมาตรการป้องกันที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น […]

เพื่อไทยขอบคุณทุกคะแนนเสียง หลัง “สง่า” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – พรรคเพื่อไทย ขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชน หลังผลเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ “สง่า” ชนะขาด “สุทัศน์” จากพรรคประชาชน เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความภายหลังผลการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 อย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า นายสง่า พรมเมือง ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ชนะขาดนายสุทัศน์ ยาละ ผู้สมัครของพรรคประชาชน หมายเลข 2 โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทย ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน ที่ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชียงราย จากพรรคเพื่อไทย ทีมงานทุกคน พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ เพื่อชีวิตที่ดี เพื่อไทยทุกคน.-316-สำนักข่าวไทย

“เพื่อไทย” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย

เชียงราย 14 ก.ย. – ผลคะแนนเลือกตั้ง สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.39 น. “สง่า พรมเมือง” พรรคเพื่อไทย คะแนนนำโด่งทิ้งคู่แข่ง “สุทัศน์ ยาละ” พรรคประชาชน กว่า 2 หมื่นคะแนน ขณะที่เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ขอบคุณประชาชนเทคะแนนให้ “สง่า” คว้าชัย วันที่ 14 ก.ย.68 เวลา 19.39 น. ที่ศูนย์รวมคะแนนประจำเขตเลือกตั้งที่ 7 อ.แม่จัน จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง ภายหลังปิดหีบลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. จากนั้นเริ่มนับคะแนน โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย รายงานเมื่อเวลา เวลา 19.39 น. พบว่า นายสง่า พรมเมือง […]