SET SOURCE “สภาพการซื้อขายผิดปกติและมาตรการกำกับการซื้อขาย”

กรุงเทพฯ 11 ม.ค. -ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประเมินประสิทธิภาพมาตรการปรับปรุง พบ มีประสิทธิภาพในการจัดการกับสภาพการซื้อขายที่ผิดปกติ ช่วยลดความร้อนแรงในการเปลี่ยนแปลงของราคาซื้อขายหลักทรัพย์


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยบทความ SET SOURCE เรื่อง “สภาพการซื้อขายผิดปกติและมาตรการกำกับการซื้อขาย” ว่า การซื้อขายหลักทรัพย์โดยผู้ลงทุนโดยมุ่งหวังจะทำกำไรจากการคาดการณ์ราคาหลักทรัพย์ที่อาจมีความผันผวนในระยะสั้น หรือที่เรียกว่าการเก็งกำไรเป็นเรื่องปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์

อย่างไรก็ดีหากในตลาดมีการเก็งกำไรสูงมากเกินไปโดยเกิดจากการมีสภาพการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วที่ไม่ได้สอดคล้องกับข้อมูลข่าวสารหรือขาดปัจจัยพื้นฐานรองรับก็อาจกลายเป็นภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรงและมีการเก็งกำไรสูงเกินไป (excessive speculation)


ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นถึงความสำคัญในการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรงและมีการเก็งกำไรสูงดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที จึงได้จัดให้มีเครื่องมือในการเฝ้าระวังสอดส่องดูแลสภาพการซื้อขายที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง มาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์

มาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นมาตรการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะใช้กับหลักทรัพย์ที่มีสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วที่ไม่สอดคล้องกับข้อมูลข่าวสารหรือขาดปัจจัยพื้นฐานรองรับ เพื่อจัดการกับภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงแก่ผู้ลงทุนกลไกตลาดและระบบการซื้อขายโดยรวมและปรับสภาพการซื้อขายให้เป็นปกติมากขึ้น

มาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ การจัดการกับภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรงและมีการเก็งกำไรสูงเกินไป (excessive speculation) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อาจอธิบายและแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนหลักๆ ได้ดังนี้


  1. แนวทางการคัดกรอง
    เป็นกระบวนการคัดแยกหลักทรัพย์ที่มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าหลักทรัพย์นั้นมีสภาพการซื้อขายที่ผิดไปจากปกติ โดยไม่มีปัจจัยด้าน fundamental สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงโดยมีลักษณะดังต่อไปนี้ในช่วงเวลาที่พิจารณา
    – มีการเปลี่ยนแปลงของราคาหรือปริมาณซื้อขายอย่างมาก หรือมีการกระจุกตัวของผู้ซื้อขายหลักทรัพย์นั้นมาก
    – มีอัตราการหมุนเวียนการซื้อขายสูงผิดปกติ
    – ไม่มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่จะทำให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา หรือไม่มีปัจจัยด้าน fundamental สนับสนุนหรือไม่สอดรับกับสภาพโดยรวมของอุตสาหกรรมและตลาด ซึ่งการคัดกรองมีการดำเนินการต่อเนื่องทุกวัน และจะมีการประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่เข้ามาตรการกำกับการซื้อขายให้ผู้ลงทุนทราบทั้งแบบรายวัน (Trading alerts: TA) และรายสัปดาห์ (Turnover list: TO) โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ https://www.set.or.th/th/market/news-and-alert/surveillance-c-sign-temporary-trading/market-surveillance-measure-list
  2. การดำเนินมาตรการหลักทรัพย์ที่ถูกคัดกรองให้เข้าสู่มาตรการกำกับการซื้อขาย จะมีการดำเนินมาตรการที่กำหนดเงื่อนไขในการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นเพิ่มจากเงื่อนไขปกติเพื่อลดการเก็งกำไรเกินควรและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งมาตรการกำกับการซื้อขายในปัจจุบันกำหนดไว้ 3 ระดับ โดยการดำเนินมาตรการจะเริ่มจากมาตรการระดับที่เบากว่าไปจนถึงระดับที่เข้มข้นกว่า ดังนี้
    มาตรการระดับที่ 1: ให้ซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวด้วยการวางเงินสดล่วงหน้าเต็มจำนวนก่อนซื้อ (Cash Balance) และห้ามนำหลักทรัพย์ดังกล่าวมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขาย
    มาตรการระดับที่ 2: มาตรการระดับที่ 1 + ห้ามหักกลบค่าซื้อและค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (ห้าม Net settlement)
    มาตรการระดับที่ 3: ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นเวลา 1 วันทำการ และเมื่อให้กลับมาซื้อขายได้ จะยังคงใช้มาตรการระดับที่ 2 มาตรการแต่ละระดับมีระยะเวลาการบังคับใช้ครั้งละ 3 สัปดาห์ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถพิจารณาขยาย หรือยกระดับมาตรการได้ หากพบว่าสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ยังคงผิดปกติ
  3. การติดตามประเมินผล ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการติดตามสภาพการซื้อขายของหลักทรัพย์ที่ติดมาตรการกำกับการซื้อขายทั้งในระหว่างการดำเนินมาตรการและภายหลังออกจากมาตรการต่อไปอีก 1 เดือน (Cooling period)
    การประเมินผลระหว่างดำเนินมาตรการ: เป็นการติดตามประเมินผลการบังคับใช้มาตรการว่าทำให้สภาพการซื้อขายหลักทรัพย์กลับมาเป็นปกติหรือไม่ หากยังคงพบความผิดปกติอยู่อาจมีการขยายมาตรการระดับเดิมออกไปอีก 3 สัปดาห์ แต่หากพบความผิดปกติเพิ่มขึ้นอาจมีการยกระดับใช้มาตรการในระดับถัดไป จนกว่าการซื้อขายจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติซึ่งจะทำให้หลักทรัพย์นั้นพ้นจากมาตรการกำกับการซื้อขาย
    การประเมินผลภายหลังมาตรการ (Cooling period): ในช่วงเวลา 1 เดือนหลังพ้นจากมาตรการกำกับการซื้อขายเป็นช่วงที่ยังคงมีการติดตามสภาพการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง โดยหากพบความผิดปกติในช่วงนี้หลักทรัพย์ดังกล่าวจะถูกนำกลับเข้ามาในมาตรการโดยอาจนำกลับเข้ามาในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับล่าสุดที่หลักทรัพย์ดังกล่าวถูกใช้บังคับหรือนำกลับเข้ามาในระดับมาตรการที่สูงขึ้นหากสภาพการซื้อขายมีระดับความผิดปกติเพิ่มมากขึ้น
    ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการทบทวนปรับปรุงปัจจัยในมาตรการกำกับการซื้อขายให้สอดคล้องกับสภาวะการซื้อขายอยู่ต่อเนื่อง
    ซึ่งจากการประเมินประสิทธิภาพของมาตรการที่ได้ปรับปรุง 1 โดยใช้ข้อมูลในช่วงระหว่างวันที่ 4 เมษายน 2565 จนถึง 31 ธันวาคม 2566 พบว่า มาตรการกำกับการซื้อขายที่ปรับปรุงดังกล่าว มีประสิทธิภาพในการจัดการกับสภาพการซื้อขายที่ผิดปกติ โดยมีส่วนช่วยลดความร้อนแรงในการเปลี่ยนแปลงของราคาซื้อขายหลักทรัพย์ รวมทั้งมีส่วนทำให้ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงภายหลังการดำเนินมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ มาตรการข้างต้นเป็นหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากสภาพการซื้อขายที่ผิดปกติให้กับผู้ลงทุนช่วยให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้นในการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรงและอาจมีการเก็งกำไรที่สูงเกินไป อย่างไรก็ดีในการลงทุนยังมีปัจจัยความเสี่ยงอื่นๆ อีกมากผู้ลงทุนจึงควรหมั่นติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนอยู่สม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถรู้เท่าทันเหตุการณ์และสามารถใช้ข้อมูลต่างๆ ประกอบการตัดสินใจซื้อขายด้วยหลักการและเหตุผลอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ในปัจจุบันมีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียหรือช่องทางติดต่อสื่อสารอื่นๆในการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงหรือหลอกลวงเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารเพื่อให้รู้เท่าทันการกระทำดังกล่าวเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวผู้ลงทุนเองรวมทั้งตลาดทุนโดยรวม-511 สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]