SET SOURCE “สภาพการซื้อขายผิดปกติและมาตรการกำกับการซื้อขาย”

กรุงเทพฯ 11 ม.ค. -ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประเมินประสิทธิภาพมาตรการปรับปรุง พบ มีประสิทธิภาพในการจัดการกับสภาพการซื้อขายที่ผิดปกติ ช่วยลดความร้อนแรงในการเปลี่ยนแปลงของราคาซื้อขายหลักทรัพย์


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยบทความ SET SOURCE เรื่อง “สภาพการซื้อขายผิดปกติและมาตรการกำกับการซื้อขาย” ว่า การซื้อขายหลักทรัพย์โดยผู้ลงทุนโดยมุ่งหวังจะทำกำไรจากการคาดการณ์ราคาหลักทรัพย์ที่อาจมีความผันผวนในระยะสั้น หรือที่เรียกว่าการเก็งกำไรเป็นเรื่องปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์

อย่างไรก็ดีหากในตลาดมีการเก็งกำไรสูงมากเกินไปโดยเกิดจากการมีสภาพการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วที่ไม่ได้สอดคล้องกับข้อมูลข่าวสารหรือขาดปัจจัยพื้นฐานรองรับก็อาจกลายเป็นภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรงและมีการเก็งกำไรสูงเกินไป (excessive speculation)


ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นถึงความสำคัญในการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรงและมีการเก็งกำไรสูงดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที จึงได้จัดให้มีเครื่องมือในการเฝ้าระวังสอดส่องดูแลสภาพการซื้อขายที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง มาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์

มาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นมาตรการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะใช้กับหลักทรัพย์ที่มีสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วที่ไม่สอดคล้องกับข้อมูลข่าวสารหรือขาดปัจจัยพื้นฐานรองรับ เพื่อจัดการกับภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงแก่ผู้ลงทุนกลไกตลาดและระบบการซื้อขายโดยรวมและปรับสภาพการซื้อขายให้เป็นปกติมากขึ้น

มาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ การจัดการกับภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรงและมีการเก็งกำไรสูงเกินไป (excessive speculation) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อาจอธิบายและแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนหลักๆ ได้ดังนี้


  1. แนวทางการคัดกรอง
    เป็นกระบวนการคัดแยกหลักทรัพย์ที่มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าหลักทรัพย์นั้นมีสภาพการซื้อขายที่ผิดไปจากปกติ โดยไม่มีปัจจัยด้าน fundamental สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงโดยมีลักษณะดังต่อไปนี้ในช่วงเวลาที่พิจารณา
    – มีการเปลี่ยนแปลงของราคาหรือปริมาณซื้อขายอย่างมาก หรือมีการกระจุกตัวของผู้ซื้อขายหลักทรัพย์นั้นมาก
    – มีอัตราการหมุนเวียนการซื้อขายสูงผิดปกติ
    – ไม่มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่จะทำให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา หรือไม่มีปัจจัยด้าน fundamental สนับสนุนหรือไม่สอดรับกับสภาพโดยรวมของอุตสาหกรรมและตลาด ซึ่งการคัดกรองมีการดำเนินการต่อเนื่องทุกวัน และจะมีการประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่เข้ามาตรการกำกับการซื้อขายให้ผู้ลงทุนทราบทั้งแบบรายวัน (Trading alerts: TA) และรายสัปดาห์ (Turnover list: TO) โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ https://www.set.or.th/th/market/news-and-alert/surveillance-c-sign-temporary-trading/market-surveillance-measure-list
  2. การดำเนินมาตรการหลักทรัพย์ที่ถูกคัดกรองให้เข้าสู่มาตรการกำกับการซื้อขาย จะมีการดำเนินมาตรการที่กำหนดเงื่อนไขในการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นเพิ่มจากเงื่อนไขปกติเพื่อลดการเก็งกำไรเกินควรและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งมาตรการกำกับการซื้อขายในปัจจุบันกำหนดไว้ 3 ระดับ โดยการดำเนินมาตรการจะเริ่มจากมาตรการระดับที่เบากว่าไปจนถึงระดับที่เข้มข้นกว่า ดังนี้
    มาตรการระดับที่ 1: ให้ซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวด้วยการวางเงินสดล่วงหน้าเต็มจำนวนก่อนซื้อ (Cash Balance) และห้ามนำหลักทรัพย์ดังกล่าวมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขาย
    มาตรการระดับที่ 2: มาตรการระดับที่ 1 + ห้ามหักกลบค่าซื้อและค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (ห้าม Net settlement)
    มาตรการระดับที่ 3: ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นเวลา 1 วันทำการ และเมื่อให้กลับมาซื้อขายได้ จะยังคงใช้มาตรการระดับที่ 2 มาตรการแต่ละระดับมีระยะเวลาการบังคับใช้ครั้งละ 3 สัปดาห์ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถพิจารณาขยาย หรือยกระดับมาตรการได้ หากพบว่าสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ยังคงผิดปกติ
  3. การติดตามประเมินผล ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการติดตามสภาพการซื้อขายของหลักทรัพย์ที่ติดมาตรการกำกับการซื้อขายทั้งในระหว่างการดำเนินมาตรการและภายหลังออกจากมาตรการต่อไปอีก 1 เดือน (Cooling period)
    การประเมินผลระหว่างดำเนินมาตรการ: เป็นการติดตามประเมินผลการบังคับใช้มาตรการว่าทำให้สภาพการซื้อขายหลักทรัพย์กลับมาเป็นปกติหรือไม่ หากยังคงพบความผิดปกติอยู่อาจมีการขยายมาตรการระดับเดิมออกไปอีก 3 สัปดาห์ แต่หากพบความผิดปกติเพิ่มขึ้นอาจมีการยกระดับใช้มาตรการในระดับถัดไป จนกว่าการซื้อขายจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติซึ่งจะทำให้หลักทรัพย์นั้นพ้นจากมาตรการกำกับการซื้อขาย
    การประเมินผลภายหลังมาตรการ (Cooling period): ในช่วงเวลา 1 เดือนหลังพ้นจากมาตรการกำกับการซื้อขายเป็นช่วงที่ยังคงมีการติดตามสภาพการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง โดยหากพบความผิดปกติในช่วงนี้หลักทรัพย์ดังกล่าวจะถูกนำกลับเข้ามาในมาตรการโดยอาจนำกลับเข้ามาในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับล่าสุดที่หลักทรัพย์ดังกล่าวถูกใช้บังคับหรือนำกลับเข้ามาในระดับมาตรการที่สูงขึ้นหากสภาพการซื้อขายมีระดับความผิดปกติเพิ่มมากขึ้น
    ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการทบทวนปรับปรุงปัจจัยในมาตรการกำกับการซื้อขายให้สอดคล้องกับสภาวะการซื้อขายอยู่ต่อเนื่อง
    ซึ่งจากการประเมินประสิทธิภาพของมาตรการที่ได้ปรับปรุง 1 โดยใช้ข้อมูลในช่วงระหว่างวันที่ 4 เมษายน 2565 จนถึง 31 ธันวาคม 2566 พบว่า มาตรการกำกับการซื้อขายที่ปรับปรุงดังกล่าว มีประสิทธิภาพในการจัดการกับสภาพการซื้อขายที่ผิดปกติ โดยมีส่วนช่วยลดความร้อนแรงในการเปลี่ยนแปลงของราคาซื้อขายหลักทรัพย์ รวมทั้งมีส่วนทำให้ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงภายหลังการดำเนินมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ มาตรการข้างต้นเป็นหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากสภาพการซื้อขายที่ผิดปกติให้กับผู้ลงทุนช่วยให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้นในการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรงและอาจมีการเก็งกำไรที่สูงเกินไป อย่างไรก็ดีในการลงทุนยังมีปัจจัยความเสี่ยงอื่นๆ อีกมากผู้ลงทุนจึงควรหมั่นติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนอยู่สม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถรู้เท่าทันเหตุการณ์และสามารถใช้ข้อมูลต่างๆ ประกอบการตัดสินใจซื้อขายด้วยหลักการและเหตุผลอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ในปัจจุบันมีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียหรือช่องทางติดต่อสื่อสารอื่นๆในการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงหรือหลอกลวงเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารเพื่อให้รู้เท่าทันการกระทำดังกล่าวเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวผู้ลงทุนเองรวมทั้งตลาดทุนโดยรวม-511 สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนฝนน้อย ทะเลอันดามัน-อ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 ม.

กทม. 3 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนน้อย ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อยเนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง – สำนักข่าวไทย

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]