ทำเนียบฯ 9 ม.ค. -ครม. ออกกฎกระทรวง ออกสูตรคุมการใช้น้ำจำนวนมาก คิดค่าธรรมเนียมใบอนุญาต สำหรับภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรไม่คิดค่าน้ำ
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี เห็นชอบ ร่างกฎกระทรวงรวม 3 ฉบับ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสนอ มีทั้งการกำหนดลักษณะหรือรายละเอียดการใช้น้ำแต่ละประเภท การกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการใช้น้ำ การกำหนดอัตราค่าใช้น้ำ
นายรัดเกล้า กล่าวว่า ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะหรือรายละเอียดการใช้น้ำแต่ละประเภท พ.ศ. …. ประเภทที่ 1 กำหนดรายละเอียดการใช้น้ำสาธารณะเพื่อการดำรงชีพ การอุปโภคบริโภคในครัวเรือน การเกษตรหรือ การเลี้ยงสัตว์ การอุตสาหกรรมในครัวเรือน การรักษาระบบนิเวศ การบรรเทาสาธารณภัย การคมนาคม และการใช้น้ำในปริมาณเล็กน้อย ประเภทที่ 2 การใช้น้ำสาธารณะเพื่อการอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การผลิตพลังงานไฟฟ้า เพื่อการประปา มีอัตราการใช้น้ำบาดาล 2,000- 3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวันต่อบ่อ หรือใช้น้ำผิวเดินไม่เกิน 30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ประเภทที่ 3 การใช้น้ำสาธารณะ จำนวนมาก เช่น ใช้น้ำบาดาลเกิน 3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวันต่อบ่อ หรือการใช้น้ำผิวดินในแม่น้ำ ลำน้ำ คลองส่งน้ำ น้ำในแหล่งกักเก็บน้ำเกิน 30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน การใช้น้ำจำนวนมาก จนส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำ และการใช้น้ำของการนิคมอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือพื้นที่อื่นในลักษณะเดียวกัน
สำหรับร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่ 2 และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่ 3 กำหนดให้ผู้ขอใบอนุญาตใช้น้ำประเภทที่ 2 หรือภาคอุตสาหกรรม และประเภทที่ 3 ผู้ใช้น้ำปริมาณมาก ได้รับการลดค่าธรรมเนียมครึ่งหนึ่งสำหรับ การใช้น้ำสาธารณะในการประกอบธุรกิจในพื้นที่ ส่งเสริมการลงทุน ส่วนโครงการที่ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม คือ หน่วยงานรัฐที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจใช้น้ำสาธารณะเพื่อทำประปาชุมชน 3,400 คนต่อวัน ในพื้นที่ของตน เฉพาะกรณีประปาหมู่บ้านที่กำลังการผลิตไม่เกิน 30 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง การผลิตน้ำดื่มสำหรับบริโภคในโรงเรียน และการใช้น้ำในโรงพยาบาล การใช้น้ำสาธารณะเพื่อผลิตน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ของตนหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะโดยไม่แสวงหากำไร
- ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าใช้น้ำ สำหรับการใช้น้ำประเภทที่ 2 และการใช้น้ำประเภทที่ 3 กำหนดค่านิยามต่าง ๆ ได้แก่ ต้นทุนการจัดเก็บค่าใช้น้ำ ค่าใช้จ่ายเงินลงทุน ต้นทุนการอุปทานน้ำ ประสิทธิภาพการส่งน้ำ และเงินสำรองเพื่อการบรรเทาวิกฤตน้ำ รวมถึง กำหนดวิธีการคำนวณค่าใช้น้ำสำหรับการใช้น้ำประเภทที่ 2 และการใช้น้ำประเภทที่ 3 ดังนี้ ค่าใช้น้ำ = อัตราค่าใช้น้ำ x ปริมาณน้ำที่ใช้ โดยสูตรการคำนวณค่าใช้น้ำสำหรับการใช้น้ำประเภทที่ 2 และการใช้น้ำประเภทที่ 3 ประกอบด้วยปัจจัย ได้แก่ ค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการเก็บค่าใช้น้ำ ต้นทุนการอุปทานน้ำ เงินสำรองสำหรับการบรรเทาวิกฤตน้ำ เมื่อมีการขาดแคลนปริมาณการใช้น้ำของผู้ใช้ที่อยู่ลุ่มน้ำเดียวกัน ประสิทธิภาพการส่งน้ำ และปริมาณอุปทานน้ำทั้งหมด โดย ให้กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ หรือกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกำหนดอัตราค่าใช้น้ำที่แตกต่างกันได้ลักษณะเฉพาะของทรัพยากรน้ำสาธารณะและอัตราค่าใช้น้ำสำหรับน้ำบาดาลจะต่ำกว่าอัตราค่าใช้น้ำผิวดินไม่ได้ และให้ทบทวนอัตราค่าใช้น้ำทุก 5 ปี
“ร่างกฎกระทรวงดังกล่าว 3 ฉบับ กำหนดให้ใช้บังคับเมื่อพ้น 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยการใช้น้ำประเภทที่ 1 ไม่ต้องขอรับใบอนุญาตและไม่ต้องชำระค่าใช้น้ำ รวมทั้งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่ 2 และประเภทที่ 3 ไม่ให้ใช้กับน้ำบาดาลตามกฎหมายว่าด้วยน้ำบาดาล เพื่อควบคุมการใช้น้ำบาดาลและป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อแหล่งน้ำบาดาล” นางรัดเกล้า กล่าว .-515 สำนักข่าวไทย