กรุงเทพฯ 12 ธ.ค. – บลจ. วรรณร่วมกับบริษัท เคจีไอ อินชัวรันส์โบรกเกอร์(ประเทศไทย) เมืองไทยประกันชีวิต ออกกองทุน ONE-ULTRAPLUS กองทุนแรกของไทยที่ผนวกสิทธิลดหย่อนทางภาษีเข้ากับกองทุนรวมและรับความคุ้มครองประกันชีวิตและสุขภาพ เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 6-19 ธ.ค. นี้
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิด วรรณ อัลตร้า อินคัม พลัส ฟันด์ หน่วยลงทุนชนิดไม่จ่ายเงินปันผล สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (ONE-ULTRAPLUS-RA) และกองทุนเปิดวรรณ อัลตร้า อินคัม พลัส ฟันด์ หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม แบบไม่จ่ายเงินปันผล (ONE ULTRAPLUS ASSF) ระหว่างวันที่ 6-19 ธันวาคมนี้ ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารหนี้ และ/หรือเงินฝาก ทั้งในประเทศหรือ/และต่างประเทศ โดยกองทุน ONE-ULTRAPLUS-RA และ ONE-ULTRAPLUS-ASSF ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล โดยผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนทั้ง 2 กองทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งสิทธิการคุ้มครองจะขึ้นอยู่กับจำนวนหน่วยของผู้ถือหน่วยลงทุน
ONE-ULTRAPLUS-RA และ ONE-ULTRAPLUS-ASSF มีการบริหารพอร์ตที่มีสัดส่วนการลงทุนที่มีความยืดหยุ่น 0-1 00% โดยพอร์ตการลงทุนในกองทุนทั้ง 2 จะมีการบริหารเชิงรุกมากขึ้น ผลจากการศึกษาย้อนหลังทางสถิติ 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า พอร์ตการลงทุนที่มีสินทรัพย์ทางเลือกจะสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ที่ 8-9% ต่อปี ดังนั้นพอร์ตการลงทุนของ ONE-ULTRAPLUS ที่เน้นกระจายการลงทุนตราสารทุน ตราสารหนี้และสินทรัพย์ทางเลือก โดยเฉพาะหุ้นต่างประเทศประมาณ 60% หุ้นในประเทศประมาณ 10% ตราสารหนี้ไทยประมาณ 20% และสินทรัพย์ทางเลือกประมาณ 10% ซึ่งมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 6-8%ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ ความโดดเด่นเพิ่มเติมของ ONE-ULTRAPLUS ที่แตกต่างจากกองทุนอื่นในอุตสาหกรรมของประเทศไทย คือ กองทุน ONE-ULTRAPLUS ได้มีการจดทะเบียนกองทุนเป็นประเภท Super Saving Fund (SSF) เพิ่มเติม คือ ONE-ULTRAPLUS-ASSF เพื่อรับสิทธิลดหย่อนทางภาษี ซึ่งผู้ลงทุนที่ลงทุนในกองทุน ONE-ULTRAPLUS ASSF จะได้รับสิทธิประโยชน์ถึง 3 ข้อได้แก่ เปิด
โอกาสรับผลตอบแทนตามเป้าหมายเฉลี่ย ผู้ลงทุนที่ถือครองหน่วยลงทุนตั้งแต่ 4,500 หน่วยขึ้นไปรับความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประกันชีวิตและสิทธิประโยชน์ประกันสุขภาพ โดยเบี้ยประกันภัยจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิตและสุขภาพของบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ส่วนในด้านการชำระค่าเบี้ยประกัน ทางบลจ.วรรณจะเป็นผู้รับภาระคำเบี้ยประกันภัยทั้งหมด ซึ่งผู้ลงทุนไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และได้รับสิทธิลดหย่อนทางภาษีตามหลักเกณฑ์ กองทุนลดหย่อนภาษี
นายพุฒิพัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานประกันกลุ่มไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความคุ้มครองจากเมืองไทยประกันชีวิตให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนภายใต้กองทุน ONE-ULTRAPLUS ครอบคลุมการประกันชีวิตและความคุ้มครองสุขภาพ โดยแบ่งออกเป็น 5 แผน ประกอบด้วย แผนที่ 1 สำหรับหน่วยลงทุนตั้งแต่ 4.500 หน่วย แต่ไม่ถึง 45,000 หน่วย แผนที่ 2 หน่วยลงทุนตั้งแต่ 45,000 หน่วย แต่ไม่ถึง 145,000 หน่วย แผนที่ 3 หน่วยลงทุนตั้งแต่ 145,000 หน่วย แต่ไม่ถึง 450,000 หน่วย แผนที่ 4 หน่วยลงทุนตั้งแต่ 450,000 หน่วย แต่ไม่ถึง 900,000 หน่วย และแผนที่ 5 หน่วยลงทุนตั้งแต่ 900,000 หน่วยขึ้นไป
ทั้งนี้ให้ความคุ้มครองทั้งกรณีการเสียชีวิตและการรักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) ทั้งค่าห้องผู้ป่วยปกติ คำห้องผู้ป่วยหนัก ค่าแพทย์ ค่าตรวจ ค่ารักษาพยาบาลอุบัติเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น รวมทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) (เงื่อนไขเป็นไปตามแผนความคุ้มครองที่ บลจ.วรรณ และ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตกำหนด)
ผู้มีสิทธิได้รับความคุ้มครองประกันชีวิตและสุขภาพดังกล่าว จะต้องเป็นบุคคลธรรมดามีอายุระหว่าง 15-75 ปี มีสุขภาพแข็งแรง โดยความคุ้มครองจะเริ่มต้นทุกวันที่ 1 ของแต่ละไตรมาส หรือ 1 มกราคม หรือ 1 เมษายน หรือ 1 กรกฎาคม หรือ 1 ตุลาคมของทุกปี และระยะเวลาของความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่ม (ระยะเวลากรมธรรม์มีผลบังคับ 1 ปี ตั้งแต่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2567 เงื่อนไขเป็นไปตามแผนความคุ้มครองที่ บลจ.วรรณ และ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตกำหนด) . – 512 – สำนักข่าวไทย