กรุงเทพฯ 20 พ.ย.- ก.ล.ต. .ส่งหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้เพิ่มกลไกในการตรวจสอบโปรแกรมเทรด คาดวันนี้ รายย่อยไม่หยุดเทรด แต่นักวิเคราะห์คาดมีบ้าง
SET ปิดเช้าวันนี้ 1,417.97 จุด เพิ่มขึ้น 2.19 จุด (+0.15%) มูลค่าซื้อขายราว 21,260 ล้านบาท โดยมูลค่าเบาบาง นักวิเคราะห์คาด ส่วนหนึ่งคาด รายย่อยบางส่วนอาจหยุดเทรดตามนัดในวันนี้ เพื่อแสดงออกถึงสัญญลักษณ์ต่อต้าน การ SHORT SELL หรือการยืมหุ้นมาขายและโปรแกรมเทรด หรือ ROBOT และ NAKED SHORT
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผอ.สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของนักลงทุน แต่ถือเป็นการดีที่มีการส่งสัญญาณไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็ปรากฎว่าได้รับการตอบรับทันทีจากภาครัฐและหน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดทุน ทั้งตลาดหลักทัรัพย์ และ ก.ล.ต.มีการออกมาตรการที่เข้มข้นกำกับดูแลเปิดเผยข้อมูล พัฒนาตลาดทุน สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน อย่างไรก็ตามดัชนีวันนี้ที่ติดลบส่วนหนึ่งก็มาจากการที่สภาพัฒน์เผยตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 3/66 ที่ขยายตัวเพียง 1.5% ต่ำกว่าที่คาดไว้ เป็นสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งภูมิภาค
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผย กล่าวว่า จีดีพีไทยไตรมาส 3/66 ออกมาต่ำกว่าคาด ก็มีผลต่อตลาดหุ้น ส่วนกรณีที่รายย่อยมีการนัดหยุดเทรดกันก็ต้องดูว่ามา วอลุ่มหรือมูลค่าซื้อขายเป็นอย่างไร ซึ่งเช้าวันนี้ค่อนข้างเบาบาง หากปิดตลาดยังอยู่ที่บริเวณ 40,000 กว่าล้านบาท ก็นับว่าไม่ได้มีผลอะไรมากนัก โดยปกติรายย่อยเฉลี่ยเข้ามาเทรดอยู่ที่ประมาณกว่า 30%
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ร่วมสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนว่า ได้ติดตามข้อมูลและรับรู้ข้อข้องใจของนักลงทุน โดยเมื่อวันศุกร์ (17 พ.ย.)ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการเปิดเผยข้อมูลซื้อขายรายวัน Program Trading Value เพิ่มเติมบนเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ รวมถึง Non Program Trading และเตรียมนำเสนอข้อมูล Program Trading รายหลักทรัพย์ต่อนักลงทุนแบบสาธารณะด้วย โดยกำหนด เฉพาะหลักทรัพย์ที่มีราคาเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก หรือบวก-ลบ 10% และมีมูลค่าซื้อขายมากกว่า 50 ล้านบาท
โดย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยอมรับว่า โปรแกรมเทรดดิ้งมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา ทำให้ราคาหุ้นมีความผันผวน ตอนนี้มีสัดส่วนประมาณ 40% ของมูลค่าการซื้อขาย ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯจะนำเรื่องนี้กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง ขณะที่ การตรวจสอบการทำธุรกรรม Naked Short นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการตรวจสอบที่เข้มงวดมาก และไม่พบความผิดปกติ และ ตลาดหลักทรัพย์ฯยังมีการสร้างความเข้าใจผ่านบทความ SET SOURCE เรื่อง “Naked short selling และการตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์ฯ” ผ่านเว็บไซต์ ตลาดหลักทรัพย์ https://www.set.or.th/th/about/setsource/insights/article/376-naked-short-selling-probe
นางสาวจอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ในเช้านี้ก.ล.ต.ส่งหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้เพิ่มกลไกในการตรวจสอบโปรแกรมเทรด เพื่อให้ทราบว่า ก่อนขายหุ้นนั้นมีหุ้นอยู่ในมือก่อนขายหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีขายหุ้นแล้วไม่มีหุ้นในมือ ( Naked Short Selling ) รวมถึงขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯทบทวนเรื่องโปรแกรมเทรดให้มีความเป็นธรรม มีความโปร่งใส และไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบแก่นักลงทุนทุกกลุ่ม และให้เปิดอัตราค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (ค่าคอมมิชชั่น) เพราะปัจจุบันผู้ที่ใช้โปรแกรมเทรดนั้น นักลงลงทุนทุกกลุ่มทั้งนักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนบุคคล สามารถใช้โปรแกรมเทรดดังกล่าวได้
ดังนั้นกรณีที่มีการส่งคำสั่งซื้อขายด้วยโปรแกรมเทรด ไม่ควรที่จะเหมารวมว่าผู้ใช้โปรแกรมเทรดเป็นนักลงทุนสถาบันหมด โดยหากตลาดหลักทรัพย์ฯมีข้อติดขัดในการดำเนินการใดๆก็สามารถที่จะเสนอมาที่ก.ล.ต. เพื่อให้ ก.ล.ต.พิจารณาปรับเกณฑ์ต่างๆได้
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นักลงทุนรายย่อยมีการนัดหยุดเทรดในวันนี้ (20 พ.ย.) นางสาวจอมขวัญ กล่าวว่า จากที่ก.ล.ต. มีการติดตามสถานการณ์พบว่า ปริมาณและมูลค่าการซื้อขายหุ้นในเช้าวันนี้อยู่ในระดับปกติ .-สำนักข่าวไทย