นนทบุรี 16 พ.ย. – “ภูมิธรรม” ย้ำแผนเร่งรัดการส่งออก Quick Win 100 วัน และ 1 ปี โดยเร่งผลักดันการส่งออกและการค้าชายแดนอัดแคมเปญกว่า 417 กิจกรรมดันส่งออก คาดสร้างรายได้กว่า 65,700 ล้านบาท พร้อมจับมือ ททท.และการบินไทย ดันยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์เชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยว สร้างภาพลักษณ์สินค้าไทยสู่เวทีโลก มั่นใจตัวเลขส่งออกไทยปี 67 เป็นบวกได้ 1.99% ขณะที่เอกชนมองโต 1-2 %
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกและภาคเอกชนโดยกระทรวงพาณิชย์ได้นำทีมพาณิชย์กางแผน quick win 100 วัน และแผน 1 ปี เร่งผลักดันการส่งออกและการค้าชายแดน เผยที่ผ่านมา DITP จัดกิจกรรมไปแล้ว 73 กิจกรรม สร้างมูลค่าแล้ว 11,424.75 ล้านบาท ปีหน้าเตรียมอัดแคมเปญกว่า 417 กิจกรรมดันส่งออก คาดสร้างรายได้กว่า 65,700 ล้านบาท พร้อมจับมือ ททท. และการบินไทย ดันยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์เชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยว สร้างภาพลักษณ์สินค้าไทยสู่เวทีโลก
อย่างไรก็ตาม แผนเร่งรัดการส่งออกได้ดำเนินงานใน 5 ด้านหลัก ประกอบด้วย 1.เปิดประตูโอกาสทางการค้าสู่ตลาดใหม่ศักยภาพ ควบคู่ การรักษาตลาดเดิม โดยเดินสายสร้างสัมพันธ์ทั่วโลก เร่งผลักดันการเจรจา FTA ขยายการค้าไปยังเมืองรองแผน 100 วัน ได้สร้างมูลค่าการสั่งซื้อรวมกันแล้วกว่า 490 ล้านบาท จากการผลักดันสินค้าไทยไปจัดแสดง ณ งาน CAEXPO ในหนานหนิงและงาน CIIE ในเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศไทยได้ถูกเพิ่มในระบบ E-visa ของประเทศซาอุดิอาราเบียเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยแผน 1 ปี จะมีกิจกรรม Goodwill จำนวน 24กิจกรรมกิจกรรมเปิดตลาดเชิงรุก มี Trade Mission 17 กิจกรรม ในประเทศมัลดีฟส์ อาเซียน ยุโรป UK รัสเซีย งานแสดงสินค้าไทย 12 กิจกรรม ในจีน อินเดีย ศรีลังกา ปากีสถาน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา รวมถึงการขยายการค้าไปยังเมืองรอง 6 กิจกรรม และจัดทำ MOU กับเมืองรองเพิ่ม อาทิ แอฟริกา (โจฮันเนสเบิร์ก/โมซัมบิก) จีน (กว่างซีจ้วง/เจ้อเจียง/ซานซี/เฮยหลงเจียง/ฝูเจี้ยน) ภายใต้ยุทธศาสตร์ “การค้าเชิงรุกรายมณฑลจีน” และต่อยอด MOU ที่ลงนามแล้ว รวมไปถึงการขยายช่องทางการค้าใหม่ๆ เช่น การเจาะธุรกิจ Horecaในยุโรป และเร่งสรุปผลการเจรจา FTA กับคู่เจรจาต่าง ๆ
2.ทูตพาณิชย์ทำงานเชิงรุกบูรณาการทำงานกับพาณิชย์จังหวัดให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เชื่อมโยงสินค้าท้องถิ่น สู่ตลาดโลก โดยได้มอบนโยบายต่อทูตพาณิชย์ในการเร่งหาช่องทางการค้าใหม่ๆ เช่น การค้นหา Influencerทั้งในไทยและต่างประเทศที่มีผู้ติดตามมากเพื่อเพิ่มการรับรู้สินค้าไทย และใช้ร้านอาหาร Thai Select เป็นเสมือนที่จัดแสดงสินค้าภูมิปัญญาไทยและช่องทางส่งออกวัตถุดิบอาหารและเครื่องปรุงรสของไทยรวมทั้งบูรณาการทำงานเชิงรุกร่วมกันระหว่างทูตพาณิชย์ พาณิชย์จังหวัด และทัพหน้าของไทยในต่างแดน อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ BOI เพื่อช่วยขับเคลื่อนการส่งออกของไทย โดยในวันที่ 23 พ.ย. 2566 นี้ ท่านนายกรัฐมนตรีจะมอบนโยบายการทำงานให้กับทูตทั่วโลก โดยกระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอการขับเคลื่อนนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกต่อนายกรัฐมนตรี สำหรับแผน 1 ปีจะดำเนินการหาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ให้มากขึ้นเพื่อขยายส่วนแบ่งตลาดสินค้าไทย ในประเทศประจำการเขตอาณาและเพิ่มบทบาททูตพาณิชย์ ให้เป็นคู่คิดของผู้ประกอบการ SMEs “พาณิชย์คู่คิด SMEs”เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะรายเล็กให้สามารถส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น
3.ส่งเสริม SOFT POWER เป้าหมายรุกสู่เวทีโลกด้วยการเพิ่มมูลค่าสินค้า/บริการไทยด้วยแบรนด์ นวัตกรรม และการออกแบบ และส่งเสริมสู่ตลาดโลก โดยมีเป้าหมายในกลุ่มสินค้าสำคัญ ได้แก่ อาหาร ดิจิทัล คอนเทนต์ มวลไทย ท่องเที่ยว หนังสือ และเกม ล่าสุดจากการนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหาร Anugaที่เยอรมนี สร้างมูลค่า5,318.05ล้านบาท และกลุ่มดิจิทัลคอนเทนต์ สร้างรายได้กว่า 2,620.13 ล้านบาท และระหว่างเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ จะจัดงาน Muay Thai Global Power ณ ไอคอนสยาม การร่วมงาน Asia TV Forum and Marketที่สิงคโปร์ รวมทั้งในวันนี้ได้มีพิธีลงนามความร่วมมือ 3 ฝ่าย ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ เชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยวไว้ด้วยกัน โดยแผน 1 ปี จะมีการเปิดตัว SOFT POWER Global Brand จำนวน9 กิจกรรม ทั้งในส่วนของการ re-branding Thai select , เครื่องหมาย Thailand Trust mark, Demark เป็นต้น การส่งเสริมดิจิทัลคอนเทนต์ 19 กิจกรรม กลุ่มสินค้าอาหาร 76 กิจกรรม หนังสือ 2 กิจกรรม และสนับสนุนนักออกแบบไทยผ่านโครงการต่างๆ
4.ปรับปรุงการทำงานของภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัลปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ปรับบทบาทเป็น “รัฐสนับสนุน”โดยแผน quick win 100 วันที่ได้ดำเนินการไปแล้ว อาทิ การปรับปรุง พ.ร.บ. สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ พ.ศ.2537การปรับปรุงเว็ปไซต์กรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ การหารือกับภาคเอกชนร่วมยกร่างแผนเร่งรัดการส่งออกและการค้าชายแดน quick win 100 วัน และ 1 ปี ซึ่งในแผน 1 ปี จะเดินหน้าทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชน ในการแก้ไขปัญหา/อุปสรรคทางการค้า โดยต่อยอดคณะทำงานร่วมกระทรวงพาณิชย์
5.ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียวโดยแผน quick win 100 วันที่จะดำเนินการ เช่น การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 2 (ปี 2566 – 2570) การจัดเจรจาการค้าธุรกิจออนไลน์ และการส่งเสริมการขายสินค้า TOP Thai บนแพลตฟอร์มออนไลน์พันธมิตร อาทิ Shopee ในมาเลเซีย และRakuten ในญี่ปุ่น การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ อาทิ การสัมมนาเสริมสร้างทรัพย์สินทางปัญญาผู้ส่งออกไทย และการเสวนา export 5 Fรวมทั้งการยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ อาทิ นำผู้ประกอบการร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ Automechanika ที่ยูเออีงานAPPEX ที่สหรัฐฯ และงาน Medica ที่เยอรมนีส่วนกิจกรรมที่ได้ดำเนินการแล้ว อาทิ การจัด Virtual Showroom และ Online Business Matching ในสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารกลุ่ม BCG สร้างมูลค่า 5.30 ล้านบาท และงานแสดงสินค้า AUTOMECHANIKA DUBAI 2023มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมกว่า 30 รายมูลค่าการสั่งซื้อ 2,991.27 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปีนี้ได้เตรียมแผนงานรองรับไว้กว่า 300 กิจกรรม อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล 8 กิจกรรม เช่น การตั้งร้าน Top Thai บน Amazon ของอังกฤษ การขยายความร่วมมือกับ Letstango.com ในยูเออี การส่งเสริมการขายกับแฟลตฟอร์มพันธมิตร การส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว 14 กิจกรรม โดยจะนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมสีเขียวในยุโรป ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา การยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ 108 กิจกรรม โดยการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในไทยและการนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ พร้อมกับการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ 177 กิจกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในด้านการค้าระหว่างประเทศต่อไป
“ขณะนี้ การส่งออกของไทยกำลังฟื้นตัว ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมและสิงหาคม เป็นบวก 2 เดือนติดต่อกัน และคาดว่า 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ จะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมการส่งออกในปีนี้น่าจะคิดลบน้อยกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ หรือ ติดลบไม่เกิน 1% ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ยังตั้งเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ ไว้บวก 1% ซึ่งจะต้องผลักดันตัวเลขส่งออก 3 เดือนที่เหลือให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 25,743 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนในปี 2567 จากการประเมินร่วมกับทูตพาณิชย์ และภาคเอกชน คาดการณ์ว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 1.99% สอดคล้องกับที่เอกชนประเมินในกรอบ 0-2% หรือมีมูลค่า 287,754 ล้านดอลลาร์สหรัฐ“นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงการค้ากับการท่องเที่ยว ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่าแนวทางการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือของทั้ง 3 ฝ่ายในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย และขยายช่องทางการค้าและส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยประกอบด้วย 4 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านการสื่อสารภาพลักษณ์ประเทศไทย ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านการประชาสัมพันธ์ และด้านการส่งเสริมองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการไทย กิจกรรมสำคัญ อาทิการร่วมกันจัดทำแคมเปญสื่อสารการตลาด เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับประเทศไทยทั้งในด้านสินค้าและบริการ รวมถึงบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว การส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ของแต่ละฝ่ายในกลุ่มสินค้าและธุรกิจบริการที่มีศักยภาพ ไปจนถึงสินค้าภายใต้ร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์มพันธมิตร และผู้ประกอบการที่ผ่านการบ่มเพาะโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้มีโอกาสได้นำเสนอในสื่อประชาสัมพันธ์และช่องทางจำหน่ายของร้าน THAIShopของการบินไทย
ในด้านการประชาสัมพันธ์ จะแลกเปลี่ยนความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ตราสัญลักษณ์ด้านการค้าและมาตรฐานสินค้าไทยของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศอาทิPM’s Export Award, DEmark, Thailand Trust Mark, Thai SELECT ผ่านสื่อ/ ช่องทางประชาสัมพันธ์ และเครือข่ายข้อมูลสมาชิกและหน่วยงานพันมิตรของ ททท. และการบินไทย ช่องทางการสั่งซื้อสินค้าคุณภาพของไทยบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างชาติที่เป็นพันธมิตรของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นต้น ในส่วนการส่งเสริมองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการไทย จะจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการให้มีองค์ความรู้ซอฟต์พาวเวอร์ไทย มาเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการส่งออก ด้วยการแลกเปลี่ยนวิทยากรหรือให้คำปรึกษาแนะนำผู้ประกอบการที่แต่ละฝ่ายจัดขึ้นด้วย.-สำนักข่าวไทย