ประจวบคีรีขันธ์ 14 พ.ย. – “ธรรมนัส” ตรวจด่านพรมแดนสิงขร ย้ำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ ก.เกษตรฯ ในทุกพื้นที่ให้ตรวจสอบและป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร ทั้งพืช-ปศุสัตว์-ประมง ระบุ ก.เกษตรฯ ทำงานเชิงรุก แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหน่วยงานหลักในการจับกุมและดำเนินคดีผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรเถื่อน
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการออกหนังสือด่วนถึง 3 หน่วยงาน คือ กรมปศุสัตว์ กรมประมง และกรมวิชาการเกษตร วานนี้ (14 พ.ย.66) โดยระบุว่า เพื่อให้อธิบดีทั้ง 3 กรม หน่วยงานปฏิบัติของทั้ง 3 กรม ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ และด่านนำเข้าทุกด่าน เข้มงวดในการตรวจสอบ กักกัน และดำเนินคดี เพื่อเป็นการตรวจสอบและป้องปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นหน่วยงานหลักในการจับกุมและดำเนินคดีสำหรับผู้ลักลอบนำเข้าสู่ราชอาณาจักรไทย
ทั้งนี้ ต้องการให้หน่วยงานในพื้นที่ร่วมตรวจสอบการกระทำความผิด ดังนั้นจึงสั่งการว่า หากมีการจับกุมผู้กระทำความผิดในพื้นที่ใดจากหน่วยงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงเกษตรฯ จะถือว่าด่านหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้นมีความผิดในฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา อีกทั้งหากพบมีส่วนร่วมในการกระทำผิดจะถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง และจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาด้วยเช่นกัน
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า การปราบปรามสินค้าเกษตรที่นำเข้าไม่ถูกต้อง หรือผิดกฎหมาย ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ตนเองให้ความสำคัญและเน้นย้ำมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รับตำแหน่งและแถลงนโยบายการทำงาน โดยได้จัดตั้งชุดเฉพาะกิจที่ทำงานร่วมกับตำรวจ ทหาร กรมศุลกากร และดีเอสไอ ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรฯ พร้อมให้การสนับสนุนข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือกลุ่มบุคคลที่กระทำการผิดกฎหมายอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะหมูเถื่อน ที่กรมปศุสัตว์ได้มีการปูพรมและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับเกษตรกรรายย่อยและระบบกลไกตลาด
ที่ผ่านมาเน้นย้ำให้หน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ ทำงานเชิงรุกด้านการตรวจสอบ แต่หากพบการกระทำผิด ต้องส่งตำรวจดำเนินคดี ส่วนคดีใหญ่เป็นหน้าที่ของดีเอสไอ.-สำนักข่าวไทย