กรุงเทพฯ 27 ต.ค. – สำนักงาน กกพ. เปิดเวทีสัมมนาสร้างความรู้ความเข้าใจ “หลักเกณฑ์การอนุญาตสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์” เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในขั้นตอนการขออนุญาต การกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงานสำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ แบบครบวงจร สำหรับผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังานและสมาคมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานภาครัฐ ผู้ให้บริการ หรือผู้สนใจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีการส่งเสริมโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อผลักดันให้เกิดการสร้างธุรกิจสีเขียว การลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าประชาชน ตลอดจนการขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาดเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดภาวะโลกร้อนตามเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 40% ภายในปี พ.ศ. 2573 และเป้าหมาย Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2611 ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนทั่วไปให้ความสนใจดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นจำนวนมาก ซึ่ง กกพ. ได้ออกระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ หรือข้อกำหนดต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการอนุญาตและกำกับกิจการพลังงาน ให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบกิจการ ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนคุ้มครองและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ผู้ใช้พลังงาน รวมทั้งผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการพลังงาน และเพื่ออำนวยความสะดวก ลดระยะเวลาและขั้นตอนการอนุญาตให้เกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จึงจะนำระบบดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องชี้แจงทำความเข้าใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงาน กกพ. กล่าวว่า ปัจจุบันมีภาคประชาชนและผู้ประกอบกิจการพลังงานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีรูปแบบการพัฒนาธุรกิจที่ซับซ้อน ดังนั้น สำนักงาน กกพ. จึงได้รวบรวมข้อกฎหมายแนวปฏิบัติที่ใช้ประกอบในการขอรับใบอนุญาตที่สำคัญ เช่น กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย หลักเกณฑ์การอนุญาตที่มีการปรับปรุงเพิ่มเติม การขอต่ออายุใบอนุญาต การขอเปลี่ยนแปลงรายการภายหลังที่ได้รับอนุญาต รวมทั้งการจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยมาให้ความรู้ในการสัมมนาในครั้งนี้ นอกจากนี้ ภายในงานยังได้จัดให้มีบริการคลินิกไขปัญหา และให้คำปรึกษา ตลอดจนข้อแนะนำในการขอติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนาอีกด้วย .-สำนักข่าวไทย