ทีทีบี-กรุงเทพ-กรุงไทย–กรุงศรี แจ้งผลประกอบการไตรมาส3/66

กรุงเทพฯ 20 ต.ค. –  ทีทีบี-กรุงเทพ-กรุงไทย-กรุงศรี แจ้งผลประกอบการไตรมาส3/66  การดำเนินงานฟื้นตัวต่อเนื่อง สินเชื่อยังเติบโต


•ทีเอ็มบีธนชาต กำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 4,735 ล้านบาท

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 4,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รวม 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 13,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากปีที่แล้ว โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2566 สินเชื่อ อยู่ที่ 1,363 พันล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ด้านเงินฝากอยู่ที่ 1,329 พันล้านบาท ชะลอลง 4.7% จากไตรมาสที่แล้ว รายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% จากไตรมาส 3/65 รวม 9 เดือน รายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 52,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ธนาคารตั้งสำรองฯ เป็นจำนวน 4,354 ล้านบาท ค่อนข้างทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อยที่ 0.2% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน รวม 9 เดือน ตั้งสำรองฯ ไปทั้งสิ้น 12,874 ล้านบาท ลดลง 5.0% จากปีก่อนหน้า เป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์ด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่บริหารจัดการได้ตามเป้าหมาย สะท้อนได้จากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพที่อยู่ในระดับต่ำที่ 2.67% ด้านกันชนรองรับความเสี่ยง หรืออัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพทรงตัวในระดับสูงที่ 144%


อัตราส่วน CAR และ Tier 1 (เบื้องต้น) ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 20% และ 16% ซึ่งสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 12.0% และ 9.5% ตามลำดับ

•ธ.กรุงเทพ กำไรสุทธิ 9 เดือนปี 2566 จำนวน 32,773 ล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนปี 2566 จำนวน 32,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.3 สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น สุทธิกับการทยอยเพิ่มขึ้นของต้นทุนเงินรับฝากและการปรับอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าสู่ระดับเดิมตั้งแต่ต้นปี 2566 ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.96  ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจและส่วนหนึ่งจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงอยู่ที่ร้อยละ 46.4 ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง จึงมีการตั้งสำรองในไตรมาส 3 ปี 2566 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน โดยสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 9 เดือนปี 2566 มีจำนวน 26,323 ล้านบาท


ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2566 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,723,751 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 จากสิ้นปีก่อน มีเงินรับฝาก จำนวน 3,163,297 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.5 จากสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 86.1  ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 19.6 ร้อยละ 16.2 และร้อยละ 15.4 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด

•ธ.กรุงไทย กำไรสุทธิไตรมาส 3/ 66 จำนวน 10,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% 

ธนาคารกรุงไทย เผยผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่ง กำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 10,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% และช่วง 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 30,505 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากรายได้จากการดำเนินงานขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและบริหารคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง มุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2566 เทียบกับไตรมาส 3 ปี 2565 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารเท่ากับ  10,282 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 โดยมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.2 จากการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน รายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องร้อยละ 23.1 ทั้งจากการเติบโตในกลุ่มสินเชื่อที่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร ทั้งสินเชื่อรายย่อยและ สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจากนี้ สินเชื่อภาครัฐเติบโตร้อยละ 5.5 จากสิ้นปีที่ผ่านมา เฉพาะไตรมาส 3 เติบโตร้อยละ 7.7 จากไตรมาสที่ผ่านมา ช่วยรักษาสมดุลด้านความเสี่ยงและผลตอบแทน (Risk and Return)  สนับสนุนให้พอร์ตสินเชื่อมีความแข็งแกร่งขึ้น สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน ส่งผลให้สินเชื่อรวมเติบโต 1.4% จากสิ้นปีที่ผ่านมา  ประกอบกับมีรายได้ดอกเบี้ยพิเศษจากลูกค้ารายใหญ่ รวมถึงการขยายตัวของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย

สำหรับ 9 เดือนของปี 2566 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 30,505 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.2 โดย ณ 30 กันยายน 2566 ธนาคาร (งบเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 17.28 และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น ร้อยละ 20.47 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของ ธปท. รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอโดยรักษาระดับของ Liquidity Coverage ratio (LCR) อย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนด

•กรุงศรี กำไรสุทธิ 9เดือนแรกปี 2566 จำนวน  25.2 พันล้านบาท

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลประกอบการเก้าเดือนแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 25.2 พันล้านบาท เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรายได้จากการดำเนินงาน ทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย อันเป็นผลมาจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อในประเทศและการควบรวมกิจการพอร์ตสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในต่างประเทศ  สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อรวมที่ 3.5% และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่เร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3.70% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2566 แม้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงภาระการตั้งสำรองสำหรับธุรกิจในต่างประเทศตามนโยบายบริหารจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวดระมัดระวัง โดยยังคงเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อปี 2566 ไว้ที่ 3-5%

ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566 กรุงศรี มีสินเชื่อรวม 2.02 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.77 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.76 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 309.12 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 18.38% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 13.66%.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร