กทม. 4 ต.ค.-ผู้ว่าฯ ธปท. ยอมรับ 3 ปัจจัยหลักกดดันบาทอ่อนค่า ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ทองราคาตก ยืนยันไม่ตรึงเงินบาทชัดเจน หวั่นเก็งกำไร พอใจการบริโภคในประเทศฟื้นตัว
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา “Thailand Economic Outlook 2024 Change the Futuer Today” ในหัวข้อ “โอกาส ก้าวหน้าความเสี่ยงเศรษฐกิจไทย 2024” ว่า ปัญหาอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องมาจาก 3 เรื่อหลัก คือ 1. เงินสกุลดอลลาร์แข็งค่า ทำให้บาทละทุ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ 2. เงินบาทผูกกับเงินหยวนของจีน นับว่ามีความสัมพันธ์การค้า การลงทุนเชื่อมโยงอย่างมาก เมื่อเศรษฐกิจจีนมีปัญหา ทำให้นักลงทุนมองไทยมีปัญหาตามไปด้วย 3.ราคาทองคำลดลงต่อเนื่อง ทำให้เงินบาทอ่อนค่า เพราะราคาทองคำของไทย เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทสูงมากกว่าประเทศอื่น เพราะคนไทยชอบซื้อขายทอง ยอมรับว่าเงินบาทอ่อนค่าร้อยละ 9 มากกว่าประเทศอื่น โดยเฉพาะเกาหลี
“กรณีค่าเงินบาท อ่อนค่า 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ รับผลกระทบหนักสุดจากสกุลดอลาร์แข็งค่า และราคาทองคำลดลงมาก การใช้มาตรการดูแลค่าเงิน ธปท. จะไม่กำหนดค่าเงินบาทไว้ ความเสี่ยงไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐาน แต่มาจากเงินดอลลาร์แข็งค่า ยืนยัน ธปท. ไม่ตรึงค่าเงินบาทที่เหมาะสม หวั่นเกิดการเก็งกำไรหนัก การอ่อนค่าของเงินบาท จนกระทบเศรษฐกิจนั้น ยอมรับว่าไทยมีภูมิคุ้มกัน ดุลบัญชีเดินสะพัดดีขึ้นต่อเนื่องถึงปีหน้า จากการฟื้นตัวท่องเที่ยว ภาระหนี้ต่างประเทศต่ำ จึงลดผลกระทบต่อการเก็งกำไรค่าเงินบาท” นายเศรษฐพุฒิ
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเศรษฐกิจไทย มีสัญญาณการฟื้นตัวจากการบริโภคในประเทศ ไตรมาส 2 นับว่าเติบโตค่อนข้างดีมีสัดส่วนร้อยละ 7.8 สูงสุดในรอบ 20 ปี เงินเฟ้อเดือน ส.ค. 66 ร้อยละ 0.9 นับว่า เงินเฟ้อต่ำสุดในอาเซียน แนวโน้มมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น จากปัญหาเอลนิญโญ่ ราคาเกษตรสูงขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำ นโยบายภาครัฐอาจทำให้เงินเฟ้อขยับสูงขึ้น ด้านเสถียรภาพ หนีี้ครัวเรือน สูงร้อยละ 90.7 ของจีดีพี ยอดหนี้ NPL ร้อยละ 2.6 ยอมรับว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของไทย ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อิโดนิเซีย เวียดนาม ไทยใกล้เคียงมาเลเซีย
ธปท. เป็นห่วงมากคือ ศักยภาพเศรษฐกิจของไทย เพราะยังมีโรคเรื้อรังหลายปัญหา โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือน ปัญหาเชิงโครงสร้าง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยเน้นเรื่องการใช้เงิน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่จุดอ่อนไหวทำให้เกิดปัญหา คือ ปัญหาแรงงาน บุคคลากร หนี้ครัวเรือน การศึกษา จึงต้องเบนเข็มหันมาดูแลปัญหาเหล่านี้ เพื่อรักษาอาการรุนแรงขณะนี้ ยอมรับว่าการฟื้นตัวเศรษฐกิจ มาจากยอดนักท่องเที่ยวไหลเข้าประเทศ และในปีหน้า ธปท. คาดการณ์จีดีพีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการส่งออกเริ่มดีขึ้น และมีแรงส่งฟื้นตัวต่อเนื่อง เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังพอใจ หากแก้ปัญหาเหล่านี้จะมีโอกาสฟื้นตัว
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ในฐานะได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการดิจิทัลวอเล็ต ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะได้แสดงความเห็น ด้านต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น สำหรับการหารือกับนายกรัฐมนตรี ไม่มีความขัดแย้งกัน ยอมรับการหารือในการทำงาน มีการเสนอความเห็นด้านต่างๆ ไม่ใช่จะทำงานร่วมกันไม่ได้ แม้การหารือในออฟฟิศ ยังต้องมีข้อโต้แย้งร่วมกัน เพราะเป็นเรื่องปกติของการทำงาน.-สำนักข่าวไทย