ครม.เห็นชอบ 10 มาตรการท่องเที่ยว 

ทำเนียบฯ 13 ก.ย. -ครม.เห็นชอบ 10 มาตรการท่องเที่ยว ยกเว้นวีซ่าจีน คาซัคสถาน ตั้งเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยปีหน้า 40 ล้านคน ปั้นไทยเป็นศูนย์กลางความบันเทิงของอาเซียน 


นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบ 10 มาตรการท่องเที่ยว ให้เป็นมาตรการ Quick win เร่งรัดมาตรการให้เห็นผลชัดเจนโดยเร็ว ด้วยการยกเว้นการทำวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน เนื่องจากคาดการณ์ว่า จีนพร้อมเดินทางออกนอกประเทศ 200 ล้านคน/ปี คาดหวังจะดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยในปี 2566 จำนวน 28 ล้านคน ทำรายได้ 1.4 ล้านล้านบาท จากนั้นคาดว่าในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 40 ล้านคน และคนไทยเที่ยวไทย 180 ล้านครั้ง สร้างรายได้ 3.1 ล้านล้านบาท 

มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประกอบด้วย 1. ยกเว้นการทำวีซ่าจีน และคาซัคสถาน 2. การดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทางเข้าไทย 3. การทำพีอาร์ ประชาสัมพันธ์เชิงรุก ด้วยการผลิตภาพยนตร์ ดึงดารา นักร้อง ผู้สร้างแรงบันดาลใจ ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยมากขึ้น 4. นายกรัฐมนตรี เป็นขุนพลเดินทางออกไปโรดโชว์ พร้อมกับทีมไทยแลนด์ เยือนประเทศกลุ่มเป้าหมาย เพื่อดึงต่างชาติท่องเที่ยวไทย 5. การดึงนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพิ่มตลาดใหม่ในเมืองรองที่มีศักยภาพของจีน เช่น เมืองฉินหนิง ต้าเหลียน และมณฑลต่างๆ ของจีน 


6. การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้มีมาตรฐาน สร้างความแตกต่าง ดึงดูดการออกไปท่องเที่ยวในหลายภูมิภาคของไทย 7. ส่งเสริมจุดขาย เที่ยวได้ 365 วัน เช่น เทศกาลลอยกระทง ต้องยกระดับให้เป็นการท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาส นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการเดินทางร่วมงาน 8. การจัดทำแพ็กเกจทัวร์ ราคาดึงดูดใจให้เข้ามาท่องเที่ยว โดยร่วมมือกับทุกฝ่าย ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร สายการบิน 9. ยกระดับไทยให้เป็นศูนย์กลางแห่งความบันเทิงของอาเซียน ทุกคนทั่วโลกต้องการเดินทางเข้าไทย 10. ตั้งศูนย์แจ้งข่าว พีอาร์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ ทางโซเชียล สำหรับเหตุการณ์สำคัญ เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องเผชิญเหตุ ต้องชี้แจงได้ในทันที เพื่อไม่ให้กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง