ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์จีน กระทบเศรษฐกิจไทย

นนทบุรี 23 ส.ค.-ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) วิเคราะห์ผลกระทบปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะท่องเที่ยว พบมาไทยน้อยลงและภาคการส่งออกได้รับผลกระทบในบางรายการ


นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ปัญหาสภาพคล่องของธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจจีนที่ถือว่ามีอิทธิพลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังรัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อยู่ไม่น้อย โดยปัญหานี้มีต้นตอมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนส่วนใหญ่ทำธุรกิจโดยใช้วิธีกู้ยืมเงินเป็นหลัก และสร้างปริมาณโครงการอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฟองสบู่ ด้วยเหตุนี้ในเดือนสิงหาคม 2563 ธนาคารกลางจีนจึงประกาศกฎเกณฑ์ที่เรียกว่า “Three Red Lines” มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และลดการขยายตัวของหนี้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเข้มงวด ซึ่งในเวลานั้นมีเพียง 6.3% ของจำนวนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์ครบทุกข้อ จึงทำให้ธุรกิจเกือบทั้งหมดไม่สามารถกู้ยืมเงินเพิ่มเพื่อนำมาใช้หมุนเวียนภายในกิจการได้ 

ประกอบกับยอดขายที่ลดลงในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงทำให้หลายธุรกิจขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ บริษัท Evergrande ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์จีน มีโครงการมากกว่า1,300 โครงการ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจจีน และเป็นธุรกิจที่มีหนี้มากที่สุดในโลก เพิ่งได้ยื่นขอล้มละลายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และล่าสุดยังมีข่าวบริษัท Country Garden ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของจีน มีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ


ภาคอสังหาริมทรัพย์ถือว่ามีขนาดใหญ่จนสามารถสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนเป็นวงกว้าง มีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 29% ของ GDP จีน ดังนั้นปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์จึงส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีนอย่างมีนัยสำคัญ โดยล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2566 นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร Barclays ได้ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนปี 2566 เหลือเติบโตเพียง 4.5% เท่านั้น หลังจากประเมินแล้วว่าการใช้นโยบายการคลังและการเงินของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลจีนไม่ค่อยเห็นผลนัก ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2/66 ยังขยายตัวได้เพียงร้อยละ 0.8 จากไตรมาสที่ 1/66 ขณะเดียวกัน ยังส่ง

ผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของประชาชน เพราะกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนประชากรที่อยู่ในเขตเมือง นิยมสร้างความมั่งคั่งด้วยการซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้เพื่อการลงทุนและเก็งกำไร และเมื่อราคาที่อยู่อาศัยลดลงอย่างรวดเร็ว ผู้ลงทุนจึงเกิดการขาดทุนกันถ้วนหน้า อีกทั้งยังสร้างผลกระทบต่อตลาดแรงงาน ภาคการก่อสร้างเป็นแหล่งจ้างงานกว่า 62 ล้านตำแหน่ง แรงงานอาจมีแนวโน้มถูกเลิกจ้างงาน ขณะเดียวกันการจ้างงานใหม่หดตัว โดยเฉพาะการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ที่มีสถิติหดตัวสูงเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งมีสาเหตุมาจากการลงทุนใหม่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลงอย่างเห็นได้ชัดมาตั้งแต่ปี 2565 และปัจจุบันยังคงหดตัวต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดเดือนกรกฎาคม 2566 หดตัว 8.5% ตามความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่ลดลงนอกจากนี้ ยังสร้างผลกระทบต่อภาคค้าปลีก จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนที่รายงานภาวะเศรษฐกิจค้าปลีก พบว่า ภาคค้าปลีกของสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์อย่างยอดค้าปลีกในหมวดของตกแต่งบ้าน เฉพาะในช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคมของปีนี้ หดตัวร้อยละ 7.3

สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย สนค. ได้วิเคราะห์ต่อ 2 ภาคเศรษฐกิจสำคัญ คือ 1. ผลกระทบต่อ ภาคการท่องเที่ยว ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ได้ส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนที่ลดลง และส่งผลข้างเคียงมายังเศรษฐกิจ


ภาคการท่องเที่ยวของไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 28% ของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมดที่เข้ามาในประเทศไทย โดยในช่วงเวลาปกติก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาในประเทศไทย จำนวน 11.1 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศจำนวน 5.3 แสนล้านบาท แต่ในปี 2566 (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาในประเทศไทยสะสมช่วงครึ่งปีแรกเพียง 1.4 ล้านคนเท่านั้น และ 2. ผลกระทบต่อการส่งออก ซึ่งมีผลกระทบที่ส่งผ่าน 3 ช่องทาง คือ (2.1) ผลกระทบจากกำลังซื้อของชาวจีนที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนต่อ GDP ของจีนค่อนข้างมาก อีกทั้งยังเป็นแหล่งจ้างงานขนาดใหญ่ มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และส่งผลต่อเนื่องไปยังการบริโภคที่ลดลง โดยเฉพาะการบริโภคสินค้าที่มิใช่สินค้าจำเป็น (2.2) ผลกระทบต่อ

การส่งออกสินค้าวัตถุดิบที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนมีเพียงบางรายการ ได้แก่ เคมีภัณฑ์(เช่น เคมีภัณฑ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง) และเม็ดพลาสติก ซึ่งมีจีนเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 มีสัดส่วน 18% และ 29% ตามลำดับ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออก Top 10 ของไทย ซึ่งครึ่งปีแรกของปี 2566 สองสินค้าข้างต้นที่ส่งออกไปจีน หดตัว 20.9% และ 26.9% ตามลำดับ ขณะที่สินค้าอื่นที่เกี่ยวข้องกับภาคการก่อสร้าง เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม เครื่องจักรกลที่ใช้ในการก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก คาดว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย-น้อยมาก เนื่องจากจีนไม่ใช่ตลาดส่งออกหลัก และ (2.3) ผลกระทบโดยอ้อมจากอิทธิพลด้านราคาอาทิ เหล็กและเหล็กกล้า ทองแดงและของทำด้วยทองแดง ด้วเหตุผลที่จีนเป็นผู้บริโภคและผู้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลก จึงมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคาสินค้า และไทยในฐานะเป็นPrice taker การส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องจึงได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาที่มีความสัมพันธ์กับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีนอยู่บ้าง โดยเฉพาะราคาเหล็กที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างมากกว่าสินค้าอื่น ๆ ตามผลของ JP Morgan พบความสัมพันธ์ระหว่างการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่กับการนำเข้าเหล็กของจีนที่มีความสัมพันธ์กันค่อนข้างมากและเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ สนค.ขอแนะนำให้ผู้ประกอบการไทยคอยติดตามสถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนเป็นระยะ ๆ เนื่องจากเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลค่อนข้างมากต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องมายังเศรษฐกิจของไทยโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศ สำหรับภาคการค้า จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 และตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทย มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 12 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย ดังนั้น ภาวะเศรษฐกิจจีนย่อมมีผลกระทบสำคัญต่อการส่งออกสินค้าไทยอยู่ไม่น้อย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

แม่คะนิ้งโผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดอุทยานฯ พรุ่งนี้

จังหวัดเลย อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ “แม่คะนิ้ง” โผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดให้ท่องเที่ยวพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) หลังปิดมา 9 วัน จากเหตุช้างป่า

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิขยับลงอีก 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1 – 2 องศาฯ ยอดดอยและยอดภูหนาวจัด มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง

ยิงพรานล่าหมูป่า

เพื่อนรับเป็นคนยิงนายพรานวัย 52 อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า

เพื่อนเปิดปากรับสารภาพเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงนายพรานวัย 52 ปี เสียชีวิตในสวนผลไม้ อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า ยืนยันไม่ได้มีปัญหาหรือมีเรื่องกันมาก่อน