ห่วงหนี้ครัวเรือนสูง กระทบกำลังซื้อ คุยผู้ผลิตขอไม่ปรับราคาสินค้า

กรุงเทพฯ 6 ก.ค.-อธิบดีกรมการค้าภายใน ห่วงหนี้ครัวเรือนสูงกระทบกำลังซื้อ คุยผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ช่วยตรึงและขอยังไม่ปรับราคาสินค้าขึ้น พร้อมส่งทีมออกตรวจสอบราคาสินค้าทั้งห้างและตลาดสดต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภค


นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า มีความเป็นห่วงสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและการบริโภคของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย ทางกรมการค้าภายในจึงได้มีการประสานความร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้า ห้างค้าปลีกและห้างสรรพสินค้า รวมถึงร้านค้าส่งท้องถิ่น ในการกำกับดูแลราคาสินค้าที่มีความจำเป็นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และยังขอความร่วมมือในการตรึงราคาสินค้าไว้ก่อน เพื่อช่วยในเรื่องของการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน

อย่างไรก็ตาม ขณะที่สถานการณ์ราคาสินค้าในภาพรวมเวลานี้ค่อนข้างทรงตัว มีความกังวลเพียงสินค้าเกษตรบางรายการที่อาจได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตลดลงราคาอาจมีการปรับสูงขึ้น อาทิ ปาล์มน้ำมัน ราคาขยับสูงขึ้นเล็กน้อย แต่มั่นใจว่า ปริมาณจะมีเพียงพอไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบริโภคในประเทศ โดยมีสต๊อกเพื่อความมั่นคงภายในประเทศอยู่ที่ 2.2-2.3 แสนตัน โดยกรมฯจะมีการบริหารจัดการผลผลิตให้สมดุล และมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด


อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาสินค้าในสัปดาห์นี้ ข้าวเปลือกปทุมธานี ราคาตันละ 11,650 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ราคา10,600 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิ นอกพื้นที่ราคา 14,600 บาท ข้าวเปลือกเหนียว ราคาตันละ 13,200 บาท มันสําปะหลัง ราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.50 บาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลดลงเล็กน้อยแต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงที่กิโลกรัมละ11.33 บาท เนื้อหมูราคากิโลกรัมละ 138-140 บาท เนื้อไก่ น่องติดสะโพกกิโลกรัมละ 82 บาท สะโพก กิโลกรัมละ 86 บาท ไข่ไก่เบอร์ 3 ราคาฟองละ 4.80 บาท นอกจากนี้ในส่วนของราคาผักสดเริ่มปรับตัวลดลง เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดมาก เพราะเข้าฤดูฝน

นอกจากนี้ การรับซื้อผลไม้ภาคใต้ประจำสัปดาห์นั้น โดยผลจากตลาดส่งออกมีความต้องการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการไปรับซื้อทุเรียนและมังคุดในพื้นที่ภาคใต้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาทุเรียนเกรด AB ขยับขึ้นไปเป็นกิโลกรัม (กก.) ละ 145 บาท ตกเกรดอยู่ที่ กก.ละ 100 บาท โดยกรมฯ ขอให้เกษตรกรเน้นในเรื่องคุณภาพ อย่าตัดทุเรียนอ่อน เพื่อสร้างมาตรฐานให้กับทุเรียนไทย และส่งผลดีต่อราคาที่ขายได้ และกรมฯยังจะร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และจังหวัด ดูแลเรื่องมาตรฐาน และการรับซื้อ ที่ต้องเป็นธรรม เพื่อดูแลเกษตรกรอย่างใกล้ชิดด้วย
         
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตลาดส่งออกมีความต้องการเพิ่มขึ้นจริง โดยกรมฯ ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบการส่งออกผลไม้ผ่านระบบราง ที่สถานีรถไฟมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง พบว่า มีความคึกคักมาก เพราะผู้ส่งออกหันมาใช้การส่งออกทางนี้มากขึ้น นอกเหนือจากการขนส่งทางบกและทางเรือ โดยช่วงครึ่งปี 2566 มีการส่งออกไปแล้ว 2,124 ตู้ เทียบกับปี 2565 ทั้งปีส่งออกเพียง 512 ตู้ ถือเป็นทิศทางที่ดีขึ้น และได้รับการยืนยันจากผู้ส่งออกว่าจะส่งออกทางนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะการขนส่งทางระบบราง มีความรวดเร็ว ตู้สินค้าไม่ต้องไปเข้าคิวติดที่ด่าน เหมือนการขนส่งทางบก และตู้ขนส่งก็เป็นระบบควบคุมอุณหภูมิ ทำให้ผลไม้ยังสด เมื่อไปถึงปลายทาง และใช้เวลาลดลงจากเดิม 11 วันเหลือ 6 วันทำให้ตลาดจีน หันมานิยมขนส่งทางนี้มากขึ้น ขณะที่ มาตรการดูแลผลไม้ภาคใต้ ที่กำลังออกสู่ตลาด กรมฯ ได้ประสานผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ 5 ราย ได้แก่ บริษัท ไอริส กรุ๊ป จำกัด , บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชัน จำกัด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แมเนจเม้นท์ (AP) จำกัด และได้เพิ่มมาอีก 1 ราย คือ เสนาเพลส เข้ามาช่วยเปิดพื้นที่ในหมู่บ้านและคอนโดมิเนียม ให้นำผลไม้เข้าไปจำหน่าย เป้าหมาย 5 หมื่นครัวเรือน ปริมาณ 5,000 ตัน
         
นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ผลไม้ภาคใต้ออกสู่ตลาดแล้ว 35-45% แล้วแต่ชนิดโดยสถานการณ์ราคาดีขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่กรมฯ ได้ประสานผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก โรงงานแปรรูป ห้างค้าส่งค้าปลีก พ่อค้าส่ง เข้าไปรับซื้อ อย่างทุเรียน เกรด AB ราคา 130-145 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย.2566 ที่ 115-125 บาทเกรด C ราคา 95-105 บาท เกรด D ราคา 90 บาท มังคุด เกรดมันรวม ราคา 53-109 บาท เกรดคละ ราคา 28-30 บาท เงาะโรงเรียน ราคา 33-35 บาท เกรดสีทอง ราคา 26-27 บาท
         

ส่วนมาตรการช่วยเหลือผลไม้ที่ยังไม่ออกสู่ตลาด กรมฯ ได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ทั้งการประสานผู้ประกอบการกลุ่มต่าง ๆ เข้าไปรับซื้อ การใช้มาตรการเสริมเร่งระบายผลไม้ โดยทุเรียนไม่น่าเป็นห่วง ตอนนี้ตลาดต้องการมาก ทั้งในประเทศและส่งออก เงาะก็ออกแล้ว 50% พ่อค้าเข้าไปแย่งกันซื้อผลผลิตที่เหลือ ส่วนมังคุดใน จ.นครศรีธรรมราช และ3 จังหวัดภาคใต้ จะเริ่มออกเดือนก.ค.-ส.ค.นี้ เกรดมันรวม ไม่น่าจะมีปัญหา เกรดคละ หากออกมาก ก็มีมาตรการเสริมเข้าไปดูแล เช่น การระบายผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์ การระบายผ่านห้างท้องถิ่นที่มี 600 สาขา ปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ 5,000 สาขา และโมบายพาณิชย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 100 จุดเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย  


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]