กรุงเทพฯ 22 มิ.ย.- ส.อ.ท.เผย ยอดผลิตรถ ยอดขาย ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็ตรูป พ.ค.66 โตขึ้น จากฐานต่ำของปีก่อน เนื่องจากขาดแคลนชิป – สงครามและโควิดในจีน ขณะที่รถ EV ยังแรงอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนหวังรัฐบาลใหม่ขยายมาตรการอุดหนุน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์ของประเทศ ในเดือนพฤษภาคม 2566 ว่า จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ 150,532 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2565 ร้อยละ 16.48 เพราะผลิตส่งออกและผลิตขายในประเทศทั้งรถยนต์นั่งและรถกระบะเพิ่มขึ้นจากฐานต่ำของปีก่อน เนื่องจากขาดแคลนชิปจากสงครามยูเครนและการระบาดของโควิด – 19 ในประเทศจีน โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 27.96 ทำให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ใน 5 เดือนแรกของปีมีจำนวนทั้งสิ้น 775,955 คัน
ส่วนการผลิตเพื่อส่งออก ผลิตได้ 89,709 คัน เท่ากับร้อยละ 59.59 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.46 ส่งผลให้ตัวเลขยอดผลิตรถเพื่อส่งออก5 เดือนแรกเป็น 445,746 คัน เท่ากับร้อยละ 57.44 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 13.63
การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศผลิตได้ 60,823 คัน เท่ากับร้อยละ 40.41 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2565 ร้อยละ 7.52 ซึ่งช่วง 5 เดือนแรกของปีผลิตได้ 330,209 คัน เท่ากับ ร้อยละ 42.56 ของยอดการผลิตทั้งหมด แต่ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ร้อยละ 1.38
ด้านยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนพฤษภาคม มีจำนวนทั้งสิ้น 65,088 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 9.34 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 0.55 เพราะรถยนต์นั่งที่เติบโตถึงร้อยละ 29.4 จากฐานต่ำในเดือนเดียวกันของปีที่แล้วจากการขาดชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์เพราะสงครามยูเครนและการล็อกดาวน์ของประเทศจีนจากโควิด – 19 แต่รถกระบะยังคงลดลงร้อยละ 23.3 จากการเข้มงวดของสถาบันการเงิน
ขณะที่การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนพฤษภาคม 2566 ส่งออกได้ 86,358 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 8.03 และเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2565 ร้อยละ 12.25 ส่งผลให้มูลค่าการส่งออก 54,969.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2565 ร้อยละ 18.91 ทั้งนี้เพราะฐานต่ำปีที่แล้วจากการขาดแคลนชิป จึงส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาด เช่น ญี่ปุ่นโตร้อยละ อินโดนีเซียโต ร้อนละ 65 มาเลเซียโตร้อยละ 21 อังกฤษโตร้อยละ 23 ฝรั่งเศสโตร้อยละ 24 สหรัฐฯโต ร้อยละ 22 ยกเว้นตลาดออสเตรเลียที่เข้มงวดเรื่องพันธุ์พืช แมลง และดินโคลนที่ติดไปกับรถ ท่าเรือแออัดขับรถขึ้นท่าเรือไม่ได้จนกว่าจะล้างสิ่งปนเปื้อนที่ติดมากับรถยนต์ออกหมด
“เป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ยังคงเดิม ทั้งยอดการผลิต 1.95 ล้านคัน ยอดส่งออก 1.05 ล้านคัน เนื่องจากคู่ค้ายังมีการเติบโตที่ดี และยอดขายในประเทศ 9 แสนคัน โดยหวังว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดี
ส่วนกรณีสถาบันการเงินของเมียนมาถูกคว่ำบาตรไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ เนื่องจากเมียนมาได้ห้ามนำเข้ารถยนต์ตั้งแต่กลางปี 65 แล้ว ส่วนการส่งออกชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่ลดลงก็เป็นจังหวะดีที่ยอดชขายรถจักรยานยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ฯ กล่าว
ขณะที่ยานยนต์ประเภทไฟฟ้าก็ยังมาแรง โดนเดือนพฤษภาคม ยานยนต์ไฟฟ้าประเภท BEVจดทะเบียนใหม่ 7,132 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 355.14 ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคมมียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 33,365 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 485.15
ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV จดทะเบียนใหม่จำนวน 8,013 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 49.44 ส่งผลให้มียอดสะสมตั้งแต่มกราคม – พฤษภาคม มีจำนวน 38,647 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.65
โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ฯ กล่าวว่า นักลงทุนหวังว่ารัฐบาลใหม่จะขยายมาตรการอุดหนุนยานยนต์ไฟฟ้าที่จะหมดลงในสิ้นปีนี้ออกไปอีก ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย