โอกาสหรือความท้าทาย หลังสหรัฐฯ-จีน เปิดศึกแยกห่วงโซ่อุปทาน

Concept of trade war between USA and China. Two hands of wearing boxing gloves with China and USA flag over world map

นนทบุรี 29 พ.ค.- สนค. เผยผลระดมสมองผลการแยกห่วงโซ่อุปทาน หลังเกิดความขัดแย้งสหรัฐฯ กับจีน ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ พบไทยมีทั้งโอกาสและความท้าทาย แนะศึกษาต่อเชิงลึกรายรัฐ/มณฑล เพื่อขยายตลาด พัฒนาแรงงานฝีมือให้พร้อม ส่วนนโยบายลงทุน ต้องปรับให้เอื้อ เพิ่มแรงจูงใจ และเร่งใช้ประโยชน์จาก FTA


นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สนค. อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการศึกษาการแยกห่วงโซ่อุปทาน (Decoupling) ของอุตสาหกรรมสำคัญระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน และนัยยะต่อเศรษฐกิจการค้าไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาได้จัดการประชุมระดมสมองร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ สมาคมการค้า และผู้แทนบริษัทที่เกี่ยวข้องในประเด็นดังกล่าว และจากการระดมสมองได้ข้อมูลว่า การแยกห่วงโซ่อุปทานระหว่างสหรัฐฯ กับจีน มีแนวโน้มเร่งตัวรุนแรงขึ้น โดยทั้งสองชาติมหาอำนาจต่างต้องการลดการพึ่งพาระหว่างกัน จากทั้งสหรัฐฯ ที่คำนึงถึงความสำคัญของความมั่นคงและความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานของประเทศ ประกอบกับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากวิกฤตโควิด-19 ขณะที่จีนเองก็ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าว จึงพยายามลดความเสี่ยงที่กำลังเกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายทางด้านการค้าและการลงทุน

ทั้งนี้ ในด้านการเคลื่อนย้ายทางการค้า พบว่า ไทยมีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์จากการแยกห่วงโซ่อุปทานที่เกิดขึ้นจากการขยายการส่งออกในทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายในการขยายส่วนแบ่งการส่งออกของไทยในตลาดโลก ในขณะที่การเคลื่อนย้ายการลงทุนในเทคโนโลยีสำคัญ/ขั้นสูง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะผลักดันเศรษฐกิจยุคใหม่ต่อไปในอนาคต พบว่า สหรัฐฯ เร่งส่งเสริมการลงทุนในประเทศมากขึ้น และสนับสนุนการย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศกลับมายังสหรัฐฯ รวมถึงจับมือกับประเทศพันธมิตรขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมสำคัญ ขณะที่ในจีนเกิดการเคลื่อนย้ายการลงทุนออกนอกประเทศ โดยมีทั้ง 2 รูปแบบ ทั้งเกิดจากบริษัทสัญชาติจีนเองที่ต้องการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และพันธมิตรของสหรัฐฯ ต้องมีฐานการผลิตนอกจีน และบริษัทสัญชาติอื่นแต่อยู่ในจีน จำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตออกมาเพื่อลดความเสี่ยงทางการค้าที่อาจเกิดขึ้น โดยบริษัทดังกล่าวมีแนวโน้มย้ายมายังอาเซียนรวมถึงไทย ดังนั้น 


จึงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของไทยที่จะดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศ ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การเคลื่อนย้ายการลงทุนจากจีนมาไทยไม่มากนัก ซึ่งเกิดจากการปิดประเทศของจีนในช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 อย่างไรก็ดี หลังจีนเปิดประเทศ พบว่ามีคณะนักลงทุนจีนเดินทางเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้นและความถี่มากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของไทย

อย่างไรก็ตาม ยังได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากผู้ที่เข้าร่วมระดมสมองในการให้ข้อเสนอแนะที่หลากหลายและเป็นประโยชน์ในหลายประเด็น เพื่อใช้รับมือกับผลกระทบและช่วงชิงโอกาสจากการแยกห่วงโซ่อุปทาน ดังนี้ (1) การศึกษาข้อมูลเชิงลึกเป็นรายรัฐ มณฑล ภูมิภาค เพื่อหาตลาดเป้าหมายที่จะส่งออก หรือดึงดูดให้เข้ามาลงทุนในไทย เพื่อกำหนดนโยบายส่งเสริมให้เหมาะสม (2) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ควรเร่งสร้างทักษะแรงงานให้พร้อมสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายและอุตสาหกรรมขั้นสูง เช่น การออกแบบชิป และการผลิตชิป รวมทั้งควรเปิดกว้างให้แรงงานต่างชาติที่มีคุณภาพและเชี่ยวชาญเข้ามาทำงานได้โดยง่าย ทั้งนี้ ไทยยังมีข้อได้เปรียบด้านแรงงานในภูมิภาค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่แรงงานไทยมี safety mind และ quality mind สูง (จะเห็นได้จากการ recall รถยนต์ที่ใช้ฐานการผลิตในไทยมีอัตราที่ต่ำมาก) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต้องคำนึงถึง ประเด็นที่ (3) การลงทุน พบว่า หลายประเทศในอาเซียนได้เพิ่มแรงจูงใจสำหรับการลงทุนในประเทศมากขึ้น

ทั้งมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีและมาตรการที่ไม่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเฉพาะอินโดนีเซีย (มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์และแบตเตอรี่) และมาเลเซีย (มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์) ทั้งนี้ มีข้อเสนอแนะเพื่อส่งเสริมการลงทุนของไทย ได้แก่ สนับสนุนเงินทุนในการวิจัยและพัฒนา เร่งส่งเสริมการลงทุนพัฒนาในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (อาทิ การผลิตชิปในส่วนของ power electronics) และปรับเงื่อนไขการถ่ายทอดเทคโนโลยีสำหรับการเข้ามาลงทุนอย่างเหมาะสม รวมถึงสร้างเวทีระหว่างไทยกับบริษัทข้ามชาติชั้นนำของโลกประจำปี เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยสำคัญในการลงทุนหรือการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ควรใช้โอกาสในการดึงดูดการลงทุนที่จะย้ายออกจากจีนเนื่องจากต้องการรักษาตลาดที่เป็นชาติตะวันตก ให้เข้ามาลงทุนในไทย


สำหรับ (4) การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เสนอให้มีการจัดประชุมระดมสมองระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ และมีหน่วยงานเจ้าภาพรับผิดชอบชัดเจน เพื่อออกนโยบายและมาตรการส่งเสริมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีการจัดตั้งสถาบันและ/หรือกองทุน ในการผลักดันการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย นอกจากนี้ต้องเร่งพัฒนาส่วนต้นน้ำให้อยู่ในไทย โดยเฉพาะการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับ IoT ส่งเสริมการผลิตให้ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน เตรียมความพร้อมทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ อาทิ AI , Robotic , Automation System และโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ เช่น ที่ดิน ไฟฟ้า ถนน ห้องปฏิบัติการทดสอบ/ทดลอง การเชื่อมโยงการผลิตกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค ลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบ เนื่องจากไทยยังนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เพื่อเข้ามาประกอบหรือใช้ในการผลิตเป็นส่วนใหญ่ และภาครัฐควรอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคให้กับภาคเอกชน และในประเด็นที่ (5) การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีข้อเสนอให้ภาคเอกชนเพิ่มการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ FTA กับคู่ค้า เพื่อเพิ่มแต้มต่อทางความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไปพัฒนาระบบขยายตลาดและบริการหลังการขายแบบครบวงจรในต่างประเทศ 

ปัจจุบันโครงการศึกษาฯ นี้ อยู่ระหว่างการสรุปผลการศึกษาฯ และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย หลังจากนั้นจะนำผลลัพธ์ที่ได้มาหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็น ดังนั้น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ นักวิชาการ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะจัดงานสัมมนาใหญ่เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาฯ ให้ภาคเอกชนและผู้ที่สนใจนำไปใช้ประโยชน์ และข้อเสนอแนะ

เชิงนโยบายให้ภาครัฐขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส กับมีลมแรงในภาคอีสาน ส่วนบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

เรือใบอิตาลีที่สวยงามที่สุดในโลกเดินทางถึงภูเก็ตแล้ว

ภูเก็ตคึกคัก เรือใบอิตาลีที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดลำหนึ่งของโลก ออกเดินทางมาแล้วรอบโลก ได้เข้าจอดเทียบท่าจังหวัดภูเก็ต โดยมีทัพเรือภาคที่ 3 ให้การต้อนรับทหารเรืออิตาลีกว่า 150 นาย อย่างอบอุ่นพร้อมเปิดให้ประชาชนขึ้นชมเรือฟรีได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.)

พระเปย์สีกา ช่องโหว่ผลประโยชน์ในดงขมิ้น

รองเจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งหนึ่งในมหาสารคาม ขอลาสิกขากลางดึก หลังถูกแฉ เป็นพระปลัดใจป๋า เปย์สีกาไม่อั้น ขณะที่รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สั่งตรวจสอบว่า เป็นเงินส่วนตัว หรือ เงินวัด เพราะจะมีความผิดแตกต่างกัน