จับกุมโรงบรรจุก๊าซ ร้านค้าบรรจุไม่เต็มปริมาณ 3 ราย

นนทบุรี 26 พ.ค.-กรมการค้าภายในเข้มจับกุมโรงบรรจุก๊าซ ร้านค้าส่วนกลางและภูมิภาคจำนวน 3 ราย พบบรรจุไม่เต็มปริมาณ เอาเปรียบประชาชน ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้องเตือนโรงบรรจุก๊าซ ร้านค้าทั่วไทยอย่ากระทำการเด็ดขาด ย้ำประชาชนพบเห็นแจ้งสายด่วน 1569 ได้ทันที


นายชาตรี อารีวงศ์ ผู้อำนวยการกองชั่งตวงวัด เปิดเผยว่า นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบปริมาณบรรจุก๊าซหุงต้มทั้งในส่วนของร้านค้าและโรงบรรจุก๊าซเป็นประจำ โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบและจับกุมร้านค้าและโรงบรรจุก๊าซที่พบว่าบรรจุไม่เต็มปริมาณรวม 3 ราย ดังนี้รายแรก เป็นร้านค้า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 กองชั่งตวงวัด กรมการค้าภายใน ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบตามที่มีผู้ร้องเรียนว่า ได้ซื้อก๊าซหุงต้ม ขนาด 4 กก. จากร้านค้าใน จ. สมุทรปราการ พบว่าใช้หมดเร็วกว่าปกติ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบปริมาณก๊าซหุงต้มขนาดบรรจุ 4 กก. ที่ร้านแห่งนี้ จำนวน 5 ถัง พบว่าน้ำหนักของก๊าซหุงต้มแต่ละถังขาดไปถังละ 0.5 กก. จึงได้จับกุมและดำเนินคดีในข้อหาขายหรือจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อขายหรือจำหน่ายซึ่งสินค้าหีบห่อที่แสดงปริมาณไว้ โดยรู้ว่าปริมาณของสินค้าที่บรรจุในหีบห่อไม่ถูกต้องตามที่แสดงไว้ซึ่งน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน 

ทั้งนี้ ตามมาตรา 85 และมาตรา 88 แห่ง พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีโทษจำคุกไม่เกิน6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  รายที่สอง เป็นโรงบรรจุก๊าซ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 สำนักงานสาขาชั่งตวงวัดเขต 2-5 สุรินทร์ บูรณาการร่วมกับคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดศรีสะเกษ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบโรงบรรจุก๊าซหุงต้มใน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จากการสุ่มตัวอย่างถังบรรจุก๊าซขนาด 15 กก. ที่บรรจุเรียบร้อยแล้ว จำนวน 60 ถัง พบว่ามีน้ำหนักของก๊าซหุงต้มแต่ละถังขาดไปถังละ1.5 กก.ทุกถัง 


อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบความเครื่องชั่งที่ใช้ชั่งน้ำหนักก๊าซที่บรรจุพบว่าเครื่องชั่งแสดงค่าน้ำหนักถูกต้องแสดงว่าผู้บรรจุก๊าซมีเจตนาที่จะบรรจุก๊าซหุงต้มให้ไม่ครบตามน้ำหนักที่แสดงไว้ข้างถัง จึงได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพนเขวา เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีในข้อหาบรรจุสินค้าหีบห่อโดยรู้ว่าปริมาณของสินค้าที่บรรจุในหีบห่อไม่ถูกต้องตามที่แสดงไว้ซึ่งน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 

รายที่สาม เป็นโรงบรรจุก๊าซ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ศูนย์ชั่งตวงวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ขอนแก่น) ร่วมกับสำนักงานสาขาชั่งตวงวัดเขต 2-5 สุรินทร์ สำนักงานสาขาชั่งตวงวัดเขต 2-4 อุบลราชธานี และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอำนาจเจริญ เข้าตรวจสอบโรงบรรจุก๊าซหุงต้มแห่งหนึ่งในเขต อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ จากการสุ่มตัวอย่างถังบรรจุก๊าซหุงต้มขนาด 15 กก. ที่บรรจุเรียบร้อยแล้ว จำนวน 17 ถัง พบว่ามีน้ำหนักของ

ก๊าซหุงต้มแต่ละถังขาดไปถังละ 0.4 – 0.5 กก. จึงได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองจ.อำนาจเจริญในข้อหาบรรจุสินค้าหีบห่อโดยรู้ว่าปริมาณของสินค้าที่บรรจุในหีบห่อไม่ถูกต้องตามที่แสดงไว้ซึ่งน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และได้นำตัว เพื่อดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป


ทั้งนี้ การบรรจุหรือการขายก๊าซหุงต้มที่บรรจุไม่เต็มปริมาณถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชนผู้บริโภค ในการนี้จึงขอแจ้งเตือนร้านค้าที่รับก๊าซหุงต้มบรรจุถังมาจำหน่ายต้องตรวจสอบความถูกต้องของน้ำหนักก๊าซด้วย และขอแนะนำให้ประชาชนซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ควรสังเกตว่าปริมาณก๊าซที่บรรจุนั้นสามารถใช้ประกอบอาหารได้เท่ากับที่เคยใช้หรือไม่ หมดเร็วผิดปกติหรือไม่ เช่น ถ้าปกติเคยใช้ก๊าซหุงต้ม 15 กก. ได้เป็นเวลา 3 เดือน ต่อมาใช้ได้น้อยกว่านั้นควรตรวจสอบสาเหตุว่าก๊าซที่ซื้อมานั้นบรรจุเต็มน้ำหนักหรือไม่ หรือเกิดจากปัญหาอื่น เช่น การรั่วซึม เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 มีการจับกุมโรงบรรจุและร้านค้าจำหน่ายก๊าซหุงต้ม ตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัดพ.ศ 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งสิ้น 25 ราย และตั้งแต่ปี 2566 – ปัจจุบัน มีการจับกุม ทั้งสิ้น 14 ราย โดยกรมการค้าภายในจะยังคงเข้มงวดในการตรวจสอบความถูกต้องของปริมาณบรรจุก๊าซหุงต้มและสินค้าหีบห่ออื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความเป็นธรรมให้กับประชาชนผู้บริโภค หากประชาชนหรือร้านค้ามีข้อสงสัยหรือพบว่าน้ำหนักก๊าซหรือสินค้าอื่นๆ ที่บรรจุในหีบห่อไม่ครบตามปริมาณที่แสดง สามารถแจ้งมาที่สายด่วน 1569 หรือ line @ MR.DIT เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับบ้านพร้อมหน้า

อุบลราชธานี 8 ส.ค. – ฝนชะล้างความเศร้า ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับเข้าบ้านเรือนเกือบหมดแล้ว ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในรอบกว่า 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา .-สำนักข่าวไทย

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]