กรุงเทพฯ 16 พ.ค.- ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม เดือน เม.ย.66 อยู่ที่ระดับ 95.0 ลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เหตุผู้ประกอบการกังวลค่าไฟ-ราคาน้ำมัน วอนรัฐจัดสรรงบเป็นส่วนลดค่าไฟ
นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายวิวรรธน์ เหมมณฑารพรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมเปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2566 จากการสำรวจผู้ประกอบการจำนวน 1,164 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท. อยู่ที่ระดับ 95.0 ปรับตัวลดลงจากระดับ 97.8 ในเดือนมีนาคม ปรับตัวลดลงครั้งแรกใน 4 เดือน เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของค่าดัชนีฯ พบว่าปรับตัวลดลงเกือบทุกองค์ประกอบ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวมปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ยกเว้นต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ที่ปรับตัวลดลงนั้น มีปัจจัยลบจากการชะลอตัวของภาคการผลิต เนื่องจากวันหยุดต่อเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่อุปสงค์ต่างประเทศยังคงอ่อนแอ สะท้อนจากดัชนีคำสั่งซื้อและยอดขายต่างประเทศปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากผลกระทบเศรษฐกิจโลกถดถอยขณะเดียวกันความเชื่อมั่นด้านต้นทุนประกอบการยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมัน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทยอยปรับเพิ่มขึ้นส่งผลให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs มีภาระหนี้เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากอัตราค่าระวางเรือที่ทยอยปรับลดลงตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 นอกจากนี้ ยังมีการขยายตัวการบริโภคในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศ
สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 105.0ปรับตัวลดลง จาก 106.3 ในเดือนมีนาคม เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูงจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าชะลอตัว ส่งผลลบต่อภาคการส่งออกของไทยขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย -ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบในตลาดโลกทำให้ต้นทุนการผลิตยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า
ดังนั้น ส.อ.ท. จึงมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ประการแรก อยากให้ส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้า และกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ(Business Matching) ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) และอเมริกาใต้รวมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEsเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าส่วนอีกประการ คือ การออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า อาทิ จัดสรรงบประมาณเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบและลดต้นทุนการผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรม.-สำนักข่าวไทย