กรุงเทพฯ 20 เม.ย.- ธอส. ไตรมาสแรกปี 66 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 55,212 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.45 ของเป้าหมาย
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ปล่อยสินเชื่อใหม่ช่วยเหลือ คนไทยให้มีบ้าน 42,977 บัญชี วงเงิน 55,212 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส ที่ 1 ปี 2566 มียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1.6 ล้านล้านบาท สินทรัพย์รวม 1.71 ล้านล้านบาท เงินฝากรวม 1.466 ล้านล้านบาท หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) จำนวน 66,701 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.12 ของยอดสินเชื่อรวม ผลจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว และความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนยังมีอยู่มาก ทำให้โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนและโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3 ยังคงได้รับความสนใจสูง คาดสิ้นปี 2566 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมาย 235,480 ล้านบาท
นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการธนาคาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 42,977 บัญชี วงเงิน 55,212 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.45 ของเป้าหมายในปี 2566 ที่ตั้งไว้ 235,480 ล้านบาท เป็นสินเชื่อปล่อยใหม่วงเงินกู้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาทสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางถึง 23,549 ราย ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสแรก ปี 2566 เทียบกับ ณ สิ้นปี2565 ธนาคารมีสินเชื่อคงค้าง 1,617,065 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.17 สินทรัพย์รวม 1,714,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.29 เงินฝากรวม 1,466,535 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.53 หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน66,701 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.12 ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.38 จากสิ้นปี 2565 ที่มี NPL อยู่ที่ร้อยละ 3.74
ธอส. ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 134,135 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPLสูงถึงร้อยละ 201.10 และยังคงมีกำไรสุทธิ 2,689 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 14.93 สูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดร้อยละ 8.5 โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้การปล่อยสินเชื่อใหม่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการจัดทำ
โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน” สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ให้ได้รับสิทธิ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ 5 ปีแรก เท่ากับร้อยละ 1.99 ต่อปี โดยข้อมูล ณ วันที่ 16 เมษายน 2566 มีลูกค้ายื่นขอสินเชื่อแล้ว 17,361 ล้านบาท ได้รับการอนุมัติแล้วคิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 16,711 ล้านบาท ซึ่งจากความสนใจที่มีเป็นจำนวนมาก ธอส.จึงเตรียมเปิดให้ผู้ประกันตน มาตรา 33 ขอรับรหัสเข้าร่วมโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนเพิ่มเติมผ่าน Application : GHB ALL หรือ GHB ALL GEN ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 เวลา 9.00 น. ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 เวลา 16.00 น.โดยผู้ประกันตนที่รับรหัสเรียบร้อยแล้วสามารถนำรหัสดังกล่าว พร้อมหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 เอกสารส่วนตัว เอกสารแสดงรายได้ และเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในหลักประกันมายื่นกู้กับ ธอส.ได้ที่สาขาทั่วประเทศ โดยผู้ที่ขอรับรหัสจะได้รับการแจ้งกำหนดการวันที่ให้มาติดต่อยื่นกู้ผ่านช่องทาง Line GHB Buddy หรือ ตรวจสอบลำดับการยื่นกู้ได้ที่ www.ghbank.co.th ทุกวันที่10,20,30 ของเดือนและทำนิติกรรมภายในวันที่ 31 มกราคม 2567
นอกจากนี้ ธอส. ยังได้จัดทำ “โครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3)” สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้บ้านราคาซื้อ-ขาย/ค่าก่อสร้าง และวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 1,500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรกเท่ากับ 3.00% ต่อปี โดยล่าสุด ณ วันที่ 16 เมษายน 2566 มีลูกค้าสนใจขอรับรหัสเข้าร่วมโครงการผ่าน Application : GHB ALL และ GHB ALL GEN จำนวน 12,872 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 19,308 ล้านบาท โดยมีลูกค้าเข้ามายื่นกู้แล้ว จำนวน 2,441 บัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 2,500 ล้านบาท ได้รับการอนุมัติแล้วคิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 1,815 ล้านบาท โดยผู้ที่สนใจสามารถขอรหัสเข้าร่วมโครงการได้ ผ่าน Mobile Application : GHB ALL GEN หรือ GHB ALL โดยจะได้รับรหัส 10 หลัก (ตัวอักษร 3 หลัก และตัวเลข 7 หลัก) ทาง Line GHB Buddy เพื่อนำมาประกอบการยื่นขอสินเชื่อภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือปิดก่อนกำหนดหากเต็มกรอบวงเงินโครงการ
“ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้สูงในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับธนาคารมีผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เร่งขอสินเชื่อก่อนที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะปรับสูงขึ้น โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มีลูกค้าเลือกใช้บริการสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ โครงการบ้าน ธอส. เพื่อคุณ ปี 2566 มียอดนิติกรรมสูงถึง 13,556 ล้านบาท,โครงการบ้าน ธอส.เพื่อสานรักปี 2566 มียอดนิติกรรม 5,759 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 2566 มียอดนิติกรรม 3,314 ล้านบาท ดังนั้น ธอส.คาดว่าสิ้นปี 2566 จะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมาย 235,480 ล้านบาท” นายกฤษณ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ธนาคารยังให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จาก COVID-19 อย่างต่อเนื่อง โดยจัดทำมาตรการที่ 23 [M23] สำหรับลูกค้าสถานะ NPL หรือลูกค้าที่มีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างการใช้มาตรการช่วยเหลือ หรืออยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคาร ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ให้สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยพิเศษและเงินงวดผ่อนชำระต่ำเป็นระยะเวลานานสูงสุด 2 ปีโดยปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ระหว่างการใช้มาตรการจำนวนถึง 13,634 บัญชี วงเงิน 15,670 ล้านบาท
ทั้งนี้ ลูกค้าที่มีความประสงค์เข้าร่วมมาตรการที่ 23 ยังคงสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ผ่านทาง Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาธนาคารทั่วประเทศ โดยต้องส่งหลักฐานการได้รับผลกระทบทางรายได้จากการประกอบอาชีพ/ธุรกิจ/การค้า เนื่องจากการแพร่ระบาดของCOVID-19 เช่น หนังสือรับรองการลดวัน /เวลา/เงินเดือน/ค่าจ้าง หรือถูกเลิกจ้างจากหน่วยงานต้นสังกัด/นายจ้างเป็นต้น เพื่อให้ธนาคารพิจารณาโดยการ Upload ผ่านทาง Application : GHB ALL BFRIEND กรณีที่ลูกค้าไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ได้ที่สาขาธนาคารทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคาร ได้ที่ Mobile Application : GHB ALL, GHB ALL GEN และwww.ghbank.co.th .-สำนักข่าวไทย