วันนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ก้าวเข้าสู่การขับเคลื่อนโดย “นายฉัตรชัย ศิริไล” ผู้จัดการ ธ.ก.ส. คนที่ 14 ที่พร้อมนำพา ธ.ก.ส. ก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ ๆ พร้อมสานต่อเจตนารมณ์การเป็นธนาคารพัฒนาชนบทอย่างยั่งยืนที่จะนำพาเกษตรกรไทย เร่งพัฒนาด้วยเทคโนโลยี และองค์ความรู้สมัยใหม่เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง ผ่านกลยุทธ์ที่มีการใช้เทคโนโลยีและฐานข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ควบคู่ไปกับการส่งเสริมวินัยทางการเงินอย่างเป็นระบบ พร้อมเติมองค์ความรู้จากสถาบันการศึกษาเครือข่ายต่อยอดการพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตร เพื่อยกระดับชีวิตเกษตรกรไทย สู่สังคมที่ภาคภูมิ
นายฉัตรชัย ศิริไล เปิดเผยถึงเป้าหมายว่าจะขับเคลื่อนและส่งเสริมให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสถาบันเกษตรกร เข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงินอย่างครบวงจรด้วยต้นทุนที่ต่ำและรวดเร็ว โดยใช้เทคโนโลยี วิทยาการสมัยใหม่ นวัตกรรม และประโยชน์จากฐานข้อมูล (Database) ที่ธนาคารมีมาวิเคราะห์ (Data Analytics) และวางแผนสร้างผลิตภัณฑ์และบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงความต้องการ รวมถึงวางแผนบริหารจัดการการผลิต การเพิ่มมูลค่าเพิ่ม และคาดการณ์ความต้องการสินค้าการเกษตร เพื่อให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชนสามารถบริหารจัดการการผลิตได้อย่างสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคต่าง ๆ ในตลาด ลดการเกิดภาวะสินค้าเกษตรล้นตลาด ทำให้เกษตรกรสามารถกำหนดปริมาณและราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสม และป้องกันราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมวินัยทางการเงินอย่างเป็นระบบ เตรียมความพร้อมให้เกษตรกรเกษียณอายุอย่างมีคุณภาพ ด้วยแนวทางสร้างกองทุนเงินเกษียณอายุ (Pension Fund) และยังมีแนวทางนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับเปลี่ยนกระบวนการให้บริการลูกค้าที่มีความสะดวก รวดเร็ว ทั้งในมิติของ Mobile Application และ Self Service Machine พร้อมส่งเสริมความรู้ด้านเทคโนโลยีและการทำการเกษตรแบบใหม่ โดยอาศัยทักษะของกลุ่มคนที่ความเชี่ยวชาญในด้านการผลิต การออกแบบ การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม การทำการตลาดแบบ Digital และการกระจายสินค้าเกษตร ผนวกกับการทำธุรกิจแบบ Mutualism สำหรับเกษตรกรผู้เป็นเจ้าของแหล่งปัจจัยการผลิตหรือที่ดินทำการเกษตรแต่ขาดทักษะ ร่วมกับกลุ่มคนที่มีทักษะแต่ขาดทรัพยากรการผลิต ให้ได้มีโอกาสส่งเสริมซึ่งกันและกัน ในธุรกิจรูปแบบการแบ่งปันผลกำไร (Profit Sharing) และใช้องค์ความรู้จากสถาบันการศึกษาเครือข่ายในการพัฒนามาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตร ในรูปแบบของ 1U (University) 1C (Community) พัฒนาและต่อยอดเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชน ทั้งในเรื่องของนวัตกรรม การออกแบบ และการทำธุรกิจการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจใหม่ๆ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
และนี่คือความมุ่งมั่นตั้งใจของ “นายฉัตรชัย ศิริไล” ผู้จัดการ ธ.ก.ส. คนที่ 14 ที่จะสร้างคุณภาพชีวิตในชนบทให้ดีขึ้น (Better Life) สร้างชุมชนไทยให้เข้มแข็ง (Better Community) และสร้างความภาคภูมิใจในอาชีพการเกษตรให้มากยิ่งขึ้น (Better Pride) เพื่อยกระดับชีวิตเกษตรกรไทย สู่สังคมที่ภาคภูมิ อย่างยั่งยืน