รฟท.ยืนยันดำเนินการตามคำวินิจฉัย ป.ป.ช.ตามขั้นตอนกฎหมาย

กรุงเทพฯ 10 มี.ค.-การรถไฟแห่งประเทศไทย ยืนยันการดำเนินการตามคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.และตามขั้นตอนกฎหมาย อย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ


ตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาระบุว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ใต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่า “การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 เป็นการออกโฉนดในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน จึงเป็นการออก โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ให้แจ้งกรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว” การรถไฟแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าของที่ดินบริเวณเขากระโดงไม่ดำเนินการเพิกถอนโฉนด กับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และเครือญาติ ที่ละเมิด เข้าไปทำประโยชน์ที่ดินบริเวณเขากระโดงรวมถึงไม่ฟ้องศาลยุติธรรมเพื่อเพิกถอนโฉนดเฉกเช่นประชาชนทั่วไป ถือเป็นการละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ นั้น

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอเรียนชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนครบถ้วนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา การรถไฟฯได้ดำเนินการตามคำวินิจฉัยของป.ป.ช.และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน โดยไม่ได้เพิกเฉยหรือเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด


การรถไฟฯ ดำเนินการตามคำวินิจฉัยของ ปปช. ไม่ได้เพิกเฉยต่อการปฏิบัติหน้าที่สืบเนื่องจากหนังสือของนายชูวิทย์ฯเรื่องขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 6 มีนาคม 2566 โดยอ้างถึงหนังสือของ ป.ป.ช. ลงวันที่ 14 กันยายน 2554 ถึงการรถไฟฯ เรื่องขอให้ดำเนินการกับผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ นั้น หนังสือของ ป.ป.ช.ดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก กรณีที่ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวหาอดีตรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยกับพวก (ในขณะนั้น) ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยไม่ดำเนินการกับผู้รุกของการรถไฟฯ ในพื้นที่บริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่ง ป.ป.ช. ในขณะนั้น ได้มีคำวินิจฉัยที่เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินของการรถไฟฯ ในสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง เรื่องกล่าวหาเลขดำที่ 51910034 เลขแดงที่ 14959054 ในเอกสารหน้าที่ 50 ว่า 

ทั้งนี้ ในช่วงเวลาระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งผู้รักษาในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย นั้น การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณเขากระโดงต่อเนื่องมาโดยตลอด กับกรมที่ดิน และจังหวัดบุรีรัมย์ จนกระทั่งผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งผู้รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ดำเนินการกับผู้บุกรุกที่ดินของการรถไฟฯ ทั้งนี้เนื่องจากกรมที่ดินยังไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว ก็ย่อมเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ถูกกล่าวหากับพวกยังไม่อาจดำเนินคดีกับผู้บุกรุกได้ในทันที จึงยังไม่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด ส่วนผู้บุกรุกที่ดินของการรถไฟฯ การรถไฟแห่งประเทศไทยเห็นว่าไม่สามารถฟ้องร้องได้เนื่องจากบุคคลดังกล่าวมีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งออกโดยกรมที่ดิน จนกว่าจะมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวเสียก่อน จึงสามารถดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวในข้อหาบุกรุกได้ ผู้ถูกกล่าวหามิได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด ซึ่งหมายความว่าการรถไฟฯ จะสามารถดำเนินการกับผู้บุกรุกในที่ดินของการรถไฟฯ ได้ภายหลังจากกรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวแล้ว

การรถไฟฯ ได้ยึดถือคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช. ดังข้างต้น เป็นแนวทาง และถือปฏิบัติตลอดมาโดยการรถไฟฯ ได้มีหนังสือแจ้งให้กรมที่ดินให้ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ตั้งแต่ปี 2555 – 2564 จำนวนอย่างน้อย 5 ฉบับ แต่กรมที่ดินก็ยังไม่ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ทั้งหมดในพื้นที่ตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ตามที่ร้องขอแต่อย่างใดการรถไฟฯ จึงมีความจำเป็นต้องนำคดีฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 โดยเป็นการฟ้องเพื่อให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ์จำนวนมากกว่า 900 แปลง ซึ่งไม่ใช่เป็นการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์เฉพาะแปลงใดแปลงหนึ่งหรือของบุคคลใดบุคคลหนึ่งอย่างที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด


การรถไฟฯ ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเคร่งครัด และเท่าเทียมกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติในช่วงปี 2555 เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ ป.ป.ช. ได้แจ้งให้การรถไฟฯ ดำเนินการกับผู้บุกรุกที่ดินการรถไฟฯ มีราษฎรจำนวนหลายรายนำหลักฐาน ส.ค.1 ยื่นคำขอต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินของการรถไฟฯ บริเวณทางแยกเขากระโดง ซึ่งผู้แทนการรถไฟฯ ได้คัดค้านการออกเอกสารสิทธิ์ ทำให้ราษฎร์กลุ่มหนึ่งเป็นโจทก์ฟ้องการรถไฟฯ เป็นจำเลยต่อศาล การรถไฟฯ จึงได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ และแผนที่ทางแยกเขากระโดงที่ใช้ส่งให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 5864 ยื่นต่อศาลเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ว่าที่ดินตามที่ราษฎร์ฟ้องปรากฏอยู่ในแผนที่ทางแยกเขากระโดงเป็นที่ดินของการรถไฟฯ 

ซึ่งต่อมาศาลฎีกาได้มีวินิจฉัยว่า “แผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟแผ่นดินสายนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ตอนแยกที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ กิโลเมตรที่ 375-650 เป็นที่ดินของการรถไฟฯ” โดยคำพิพากษาดังกล่าวจะผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเท่านั้น ไม่สามารถนำไปบังคับคดีเพื่อขับไล่บุคคลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่คู่ความในคดีนั้นๆได้เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่ค้างคามาตั้งแต่ในอดีตให้เสร็จสิ้น เกิดความชัดเจน การรถไฟฯ จึงได้นำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ และแผนที่ทางแยกเขากระโดงที่ใช้ในกระบวนการพิจารณาของศาลฎีกายื่นฟ้อง กรมที่ดินต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ทับที่ดินของการรถไฟฯ ในพื้นที่ตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่ทั้งหมด5,083 ไร่ จำนวนประมาณ 900 แปลง ซึ่งเป็นการดำเนินการ
ตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย ที่เป็นธรรม เท่าเทียม ไม่มีการเลือกปฏิบัติ แต่อย่างใด ประกอบกับเป็นแนวทางที่การรถไฟฯ ได้เคยดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับที่ดินอื่น ๆ ของการรถไฟฯ เช่น การฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพื่อขอให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ทับที่ดินของการรถไฟฯ บริเวณพังงา – ท่านุ่น  จ.พังงา ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด

การรถไฟฯ ยื่นฟ้องกรมที่ดินต่อศาลปกครองกลาง เป็นการรักษาผลประโยชน์สูงสุดของการรถไฟฯ และใช้ระยะเวลาไม่นาน

การรถไฟฯ ได้ยื่นฟ้องกรมที่ดิน และอธิบดีกรมที่ดินต่อศาลปกครองกลาง กรณีไม่ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกทับที่ดินการรถไฟฯ ในพื้นที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ในคราวเดียวกัน ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 5,083 ไร่ จำนวนประมาณ900 แปลง เพื่อให้ขอเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ทับที่ดินของการรถไฟฯ และถือเอกสารสิทธิ์ในที่ดินของการรถไฟฯ ในพื้นที่ตำบล  เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ออกไปทั้งหมด พร้อมขอให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินค่าเสียหาย 707 ล้านบาทคดีดังกล่าว ฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้นเมื่อ 23 ก.ย.2564 ศาลปกครองสั่งรับฟ้องเมื่อเดือนมีนาคม 2565 และเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 

ศาลปกครองกลางได้มีหมายแจ้งกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริง คดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 ได้กำหนดให้วันที่ 7 มีนาคม 2566 เป็นวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริง ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ ศาลปกครองกลางต่อไป ทั้งนี้ หากศาลปกครองมีคำวินิจฉัยถึงที่สุดว่าพื้นที่พิพาทดังกล่าวเป็นที่ดินของการรถไฟฯแล้ว การรถไฟฯ ก็จะได้ดำเนินการกับผู้ที่ถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ และจะสามารถนำพื้นที่ดังกล่าวออกจัดประโยชน์เพื่อสร้างรายได้ให้แก่การรถไฟฯ ต่อไป

การรถไฟฯ ขอยืนยันอีกครั้งว่า การดำเนินการในการแก้ไขปัญหาบริเวณที่ดินเขากระโดงที่ผ่านมา ได้ปฏิบัติตามกระบวนการขั้นตอนกฎหมายอย่างเคร่งครัด และเท่าเทียมกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ แต่อย่างใด โดยการรถไฟฯ ได้เคยตอบชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวเพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อเท็จจริงไปแล้วหลายครั้ง ผ่านทางสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” สุดชิล ใส่เสื้อฮาวาย เข้าพรรคประชุมแกนนำ

ภูมิใจไทย 6 ก.ย. – “อนุทิน” ว่าที่นายกฯ สุดชิล ใส่เสื้อฮาวายลายใบไม้ เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ประชุมแกนนำในวันหยุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ด้วยท่าทีผ่อนคลาย สีหน้ายิ้มแย้ม สวมเสื้อฮาวายลายใบไม้ เมื่อมาถึงผู้สื่อข่าวพยายามขอสัมภาษณ์ แต่นายอนุทิน ขอตัวขึ้นไปประชุมก่อน และระบุว่าขณะนี้ยังไม่มีข่าว ขณะที่พรรคภูมิใจไทย เตรียมความพร้อมในการจัดงานพิธีสำคัญ ภายหลังมีแกนนำพรรค และว่าที่รัฐมนตรีตามโผ ครม.อนุทิน 1 เช่น นายภราดร ปริศนานันทกุล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ส่งช่อดอกไม้มาแสดงความยินดี รวมไปถึงต้นกล้วยไม้สีขาวก้านยาว ในกระถางพลาสติกสีเขียวอ่อนขนาดใหญ่ ประมาณ 1 คนโอบ ติดนามบัตรมีชื่อของนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด.-314-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือน “อีสาน กลาง ใต้” รับมือฝนถล่ม

6 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ รับมือฝนถล่ม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.ย. โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” บอกฟอร์มทีม ครม.เรียบร้อยแล้ว-เร่งเดินหน้าแก้ปัญหา

พรรคภูมิใจไทย 5 ก.ย.-“อนุทิน” ขอบคุณเสียงโหวตนั่งนายกฯ คนที่ 32 เร่งเดินหน้าแก้ปัญหาทดแทนโอกาสที่เสียไป เผย วินาทีกราบพ่อ เป็นสิ่งแรกที่อยากทำ ฟอร์มทีม ครม.เรียบร้อยแล้ว บอกผมโอเค พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องโอเค นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภายหลังร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมเปิดใจเป็นครั้งแรก หลังจากได้รับการโหวตเห็นชอบให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายอนุทินได้กล่าวขอบคุณประชาชน ในโอกาสที่ได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นเสียงของประชาชนที่ได้ใช้สิทธิ์ ผ่านสส. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สส.พรรคประชาชน และพรรคการเมืองที่ได้ลงคะแนนให้กับตน หรือพรรคที่ไม่ได้ลงคะแนนให้กับตน โดยการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มีนายชัยเกษม นิติสิริ ได้รับการเสนอชื่อโหวตชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อการโหวตผ่านพ้นไปแล้ว ก็อยากให้ทุกอย่างมันจบไปด้วยดี และอยากให้เราหันหน้าเข้าหากัน เพื่อทำงานให้กับประชาชน ให้กับประเทศ ในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยความรวดเร็ว เพื่อทดแทนโอกาสที่เสียไป ซึ่งตนเชื่อว่าหากเราหันหน้าทำงานด้วยกัน ก็จะทำให้ทะลุเป้าหมายต่างๆ ได้ ส่วนจะผลักดันนโยบายอะไรต่อขอยังไม่ลงรายละเอียด เมื่อถามถึงการเข้าพบนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้เป็นบิดา หลังจากได้รับการโหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี นายอนุทินเล่าว่า นายชวรัตน์ ไม่ค่อยสบาย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งตนก็คิดว่านายชวรัตน์ ก็อยากให้ไปหา จึงเร่งไปกราบเป็นอันดับแรก เมื่อถามว่านายชวรัตน์ให้พรอะไรบ้าง […]

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย