สภาธุรกิจตลาดทุน หวั่นเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง กระทบตลาดทุน

ตลาดหลักทรัพย์ฯ 8 มี.ค. -สภาธุรกิจตลาดทุน หวั่นเฟดขยับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.5 รอบถัดไป หลังเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งไม่หยุด ตลาดคาดเงินเฟ้ออาจสูงร้อยละ 6 ในปี 66 กระทบตลาดทุนหนัก ความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับสู่เกณฑ์ร้อนแรง หวังเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากภาคท่องเที่ยวและการเลือกตั้ง


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสกาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ในช่วงคืนที่ผ่านมา ประธานเฟดของสหรัฐ กล่าวย้ำว่า อาจปรับเพิ่มดอกเบี้ยสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้จากเป้าหมายร้อยละ 5.1 ในปี 66 ขณะที่ตลาดคาดการณ์อาจปรับเพิ่มถึงร้อยละ 5.85-6.00  เพราะว่าเงินเฟ้อสหรัฐไม่ยอมลดลง  หลังจากปัญหาเงินเฟ้อในเดือนมกราคม เพิ่มร้อยละ 0.5 จากร้อยละ 0.1 ในเดือนธันวาคม 65 ทำให้ธนาคารสหรัฐอาจต้องปรับเพิ่มดอกเบี้ยร้อยละ 0.5 รอบถัดไป (22 มี.ค.) จากรอบก่อนปรับเพิ่มร้อยละ 0.25 นับว่า เขย่าตลาดทุนอย่างมาก ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วน กระทบมายังตลาดหุ้นไทยปรับลดลง FETCO คาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับเพิ่มดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 อีก 3 ครั้งในปี 66 นี้ การทำสงครามกับเงินเฟ้อของสหรัฐ อาจต้องกินเวลา 3 ปี  

สภาธุรกิจตลาดทุนไทยมองว่า ปัจจัยล่าสุดในปี 66 ยังต้องเผชิญกับ สงครามของเฟดสู้กับปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐ ยังมีความผันผวนกับตลาดทุนทั่วโลก โอกาสของไทยทำให้นักลงทุนมองว่า ไทยเป็นหลุมหลบภัย มีความสำคัญน้อยลง ปัญหาเศรษฐกิจโลกยังทรุดตัว ส่งผลต่อการส่งออกของไทย มองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน เพราะปัญหาโควิด-19 เริ่มลดลง  ส่งผลมายังไทยดีขึ้นตามไปด้วย นักลงทุนต่างชาติขอส่งเสริมการลงทุนสูงสุดในรอบ 10 ปี จีนเข้ามาลงทุนอันดับ 1 ต้องประกาศให้ชัดเจน จะส่งเสริมลงทุนอย่างไร ยอมรับว่า ค่าเงินบาท 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เหมาะสมหนุนการส่งออก


นายกอบศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน FETCO คาดการณ์ว่า ในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 121.13 ปรับตัวลดลงร้อยละ 24.3 จากเดือนก่อนหน้า นับว่ามาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”  นักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด  รองลงมาคือการเลือกตั้งในประเทศและการไหลเข้าของเงินทุน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความกังวลต่อการกลับมาแพร่ระบาดของ Covid-19 หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น รองลงมาคือ สัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือน และสถานการณ์การเมืองในประเทศก่อนการเลือกตั้ง ต้องติดตามนโยบายพรรคการเมืองด้านเศรษฐกิจจะเพิ่มความหวังฟื้นเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน สำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ในกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”

สำหรับหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK) หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดเหมืองแร่ (MINE) ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว


ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความกังวลต่อสถานการณ์โควิด หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น

 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 SET Index ปรับตัวลดลงโดยเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก นักลงทุนมีความกังวลว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องหลังจากการประกาศตัวเลขเงินเอของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงการที่เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องซึ่งเป็นผลจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไทยกับต่างประเทศห่างกันชัดเจน

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้โดยตัวเลข GDP ล่าสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประกาศว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2565 ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.4 ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 4.5  ส่งผลให้ทั้งปี 2565 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 2.6 ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่คาดว่า ทั้งปีจะขยายตัวร้อยละ 3.2  โดย SET Index ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ปิดที่ 1,622.35 จุด ปรับตัวลดลง 2.9% จากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 กว่า 43,562 ล้านบาท

ตั้งแต่ต้นปี 2566 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 24,565 ล้านบาท ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยและนโยบายการเงินของ FED ปัญหาการจ้างงาน จากแนวโน้มการลดคนอย่างต่อเนื่องของบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์โลก โดยเฉพาะความ ขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งยึดเยื้อมานานการ 1 ปี และความขัดแยังระหว่างสหรัฐฯ-จีน จากปัญหา “บอลลูนจีน” ที่รุกล้ำน่านฟ้าสหรัฐฯ ซึ่งอาจลุกลามไปเรื่องสงครามการค้าระหว่างสองประเทศ ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดดามได้แก่ การฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยวทั้งจากจำนวนนักท่องเที่ยวด่างชาติที่เพิ่มมากขึ้นและนักท่องเที่ยวไทยจากมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยกลับสู่ช่วงก่อน Covid-19 ได้เร็วยิ่งขึ้น รวมถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศก่อนการเลือกตั้ง.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดยื้อ! ด.ช.5 ขวบ น้ำหนัก 50 กก. อาหารติดคอดับ

เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามปั๊มหัวใจเด็กชายวัย 5 ขวบ น้ำหนัก 50 กิโลกรัม อาหารติดคอ แต่สุดยื้อ เสียชีวิต ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว

เจอร่างใต้ตึกถล่ม

เจออีก 4 ร่างใต้ซากตึกถล่มโซน C จ่อนำเครนยักษ์เปิดพื้นที่

กู้ภัยเจอ 4 ร่างผู้สูญหายตึกถล่ม โซน C รอส่งนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เตรียมนำเครนเข้ายกแผ่นปูนขนาดใหญ่ เปิดพื้นที่มากขึ้น

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

ปิดฉาก “มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 ยอดจองพุ่ง 7.9 หมื่นคัน โต 44.8%

ยอดจองรถยนต์ในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46” รวมทุกเซกเมนต์โตพุ่ง 44.8% หรือคิดเป็น 79,941 คัน โดยเป็น EV 65% ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีนี้ยังคงอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดผู้เข้าชมงานทั้งสิ้น 1.6 ล้านคน

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ควงหัวหน้าพรรคร่วม แถลงเลื่อน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”

นายกฯ ควงหัวหน้าพรรคร่วม แถลงเห็นตรงกันเลื่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปก่อน หลังมีเรื่องด่วนกว่า ต้องจัดลำดับความสำคัญ แต่ไม่ถอนการพิจารณาในสภา บอกการเมืองบิดเป็นกาสิโน ลั่นผู้นำสไตล์ “แพทองธาร” พรรคร่วมต้องเห็นด้วยอย่างเต็มใจ

“คะน้า” แจ้งความเอาผิดไฮโซเก๊ หลอกจ่ายค่าแชมเปญ

“คะน้า” ดาราสาว แจ้งความตำรวจไซเบอร์ ดำเนินคดีกับอดีตแฟนหนุ่ม ข้อหาฉ้อโกง หลังหลอกให้จ่ายค่าแชมเปญ 98,000 บาท เพื่อเป็นของขวัญ

ตึกสตง.ถล่ม

เข้าสู่วันที่ 12 นำออกได้อีก 4 ร่าง ภารกิจค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.ถล่ม

หลังดีเอสไอรับคดีตึก สตง.ถล่ม เป็นคดีพิเศษ วันนี้ (8 เม.ย.) กรรมการคดีพิเศษได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์และหารือแรงงานที่เกี่ยวข้องกับพยานหลักฐาน เพื่อใช้ในคดีกับผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิด ขณะที่ กทม. ยืนยันใช้แผนเดิมในการรื้อถอนอาคาร โดยวันนี้จะพยายามตัดยอดส่วนบนให้ได้ 5 เมตร เพื่อหาร่างผู้ติดอยู่ในโซน B และ C