20 ก.พ. – บสย. ลุยภาคเหนือ เร่งเติมทุน SMEs ปี 2566 รับเศรษฐกิจขาขึ้น มั่นใจท่องเที่ยวบูม ดันธุรกิจฟื้น เผย 5 ธุรกิจกระแสดีค้ำแรงต่อเนื่อง บริการ เกษตร อาหารเครื่องดื่ม ผลิตสินค้าและอุปโภคบริโภค คาดปีนี้ยอดค้ำภาคเหนือทะลุ 10,000 ล้านบาท
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า มั่นใจในปี 2566 เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวและคึกคักในรอบ 3 ปี พร้อมประกาศแผนและทิศทางการดำเนินงานภายใต้นโยบายเชิงรุก ให้สำนักงานเขตทั้ง 11 เขตทั่วประเทศ เร่งช่วยผู้ประกอบการ SMEs ค้ำประกันสินเชื่อ ให้คำปรึกษาทางการเงิน ตรวจเช็กสุขภาพธุรกิจ ให้ความรู้ทางการเงิน ปรับโครงสร้างหนี้ และบูรณาการความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรต่างๆ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของประเทศ และเตรียมพร้อมการบริการใหม่ผ่านดิจิทัล แพลตฟอร์ม บนแอปพลิเคชัน LINE @tcgfirst เข้าถึงบริการง่ายขึ้น
สำหรับแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจในเขตภาคเหนือปี 2566 มีสัญญาณดี โดยผลดำเนินงานค้ำประกันสินเชื่อ ปี 2565 สำนักงานเขตภาคเหนือตอนบน ครอบคลุมพื้นที่ 8 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา อนุมัติวงเงินกว่า 9,326 ล้านบาท และออกหนังสือค้ำประกันสินเชื่อรวมกว่า 6,438 ฉบับ ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อตามโครงการของรัฐบาล ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs สร้างชาติ (PGS 9) โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. Micro 4 ต้องชนะ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู ระยะที่ 2 กลุ่ม Micro & SMEs และกลุ่ม Corporate
ผลดำเนินงาน 5 กลุ่มธุรกิจมาแรงอนุมัติค้ำสูงสุดในปี 2565 ได้แก่ 1. ธุรกิจบริการ 2,263.68 ล้านบาท จำนวน 1,147 ราย สัดส่วน 25.35% 2.ธุรกิจเกษตรกรรม 1,400.82 ล้านบาท จำนวน 635 ราย สัดส่วน 15.69% 3.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 1,375.72 ล้านบาท จำนวน 820 ราย (15.41%) 4.ธุรกิจการผลิตสินค้าและการค้าอื่นๆ 1,004.07 ล้านบาท จำนวน 1,847 ราย สัดส่วน 11.24% 5.ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค 490.35 ล้านบาท จำนวน 754 ราย สัดส่วน 5.49%
“ในปีนี้ บสย. พร้อมเร่งให้ความช่วยเหลือในทุกทางเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้กลับมาฟื้นตัว ยืนได้ และก้าวต่อไป ในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยมีภาคท่องเที่ยวเป็นหัวใจหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยตั้งเป้าค้ำประกันสินเชื่อ 120,000 ล้านบาท มั่นใจในเขตภาคเหนือจะช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อ อนุมัติค้ำกว่า 10,000 ล้านบาท” . – สำนักข่าวไทย