สยามพารากอน ฮอลล์ 17 พ.ค.-“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”
ระบุเป้าหมายรัฐบาลยังต้องขับเคลื่อนจีดีพีให้ขยายตัวต่อเนื่องผ่านหลายปัจจัย
เน้นสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ผ่านคนรุ่นใหม่ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีออนไลน์
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมตรี
ปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “True Business Forum 2017″
ภายใต้แนวคิด
Thailand 4.0 ว่า
เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกขยายตัวร้อยละ 3.3 และคาดว่าจะเติบโตได้ร้อยละ 3.5 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)คาดการณ์ไว้
ซึ่งน่าพอใจกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยท่ามกลางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
แต่หากมองในแง่เป้าหมายการทำงานของรัฐบาลยังต้องขับเคลื่อนจีดีพีผ่านหลายปัจจัยทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เติบโตได้ดี
เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณผ่านโครงการขนาดใหญ่ และงบกลางโครงการขนาดเล็ก
ส่งเสริมการส่งออกซึ่งกำลังขยายตัวตามเศรษฐโลก
เพื่อให้การลงทุนเอกชนขยายตัวตามไปด้วย
“ยอมรับว่าจีดีพีของ CLMV เป็นประเทศเกิดใหม่จีดีพีมีขนาดเล็กกว่าไทยหลายเท่า
จึงมีการเติบโตมากกว่าร้อยละ 5-8 ขณะที่สิงคโปร์จากเดิมขยายตัวร้อยละ 10 เหลือร้อยละ 2
เหมือนกับไทยขยายตัวได้น้อยลง จึงต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
เนื่องจากไทยมีศักยภาพด้านการเกษตร
จึงต้องมุ่งพัฒนาสินค้าชุมชนสร้างมูลค้าเพิ่มผ่านไอเดียแนวคิดใหม่
ผสมใส่ในนวัตกรรม การท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับสินค้าโอทอป”นายสมคิด
กล่าว
อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องมุ่งสร้างกำลังซื้อให้กระจายในต่างจังหวัด
ลดกระจุกตัวอยู่ในหัวเมืองใหญ่ ผ่านการพัฒนาสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก
ด้วยการใช้นวัตกรรม การใช้ไอเดียใหม่ ๆ ไปส่งเสริมเกษตรกรพัฒนาสินค้าเกษตรแปรรูป
โดยมีคนรุ่นใหม่เข้าไปช่วยดูแล
เพื่อลดการค้าผ่านคนกลางเปลี่ยนไปเป็นส่งสินค้าผ่านตลาดออนไลน์ตรงไปยังผู้ซื้อ จึงกำชับให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี)เร่งรัดวางระบบเครือข่ายเน็ตประชารัฐ 24,700 หมู่บ้านให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพราะจะช่วยทั้งด้านการศึกษา การรักษาพยาบาลและการพัฒนาสังคมอีกหลายด้าน
เมื่อกำลังซื้อในภูมิภาคสูงขึ้นจะเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในระยะยาว
ผ่านการสร้างผู้ประกอบการใหม่สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการสมาร์ทเอสเอ็มอี
เนื่องจากเศรษฐกิจยุคใหม่ของหลายประเทศต้องใช้เอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชนที่เข้มแข็งขับเคลื่อนประเทศแทนบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่ราย
รัฐบาลจึงต้องเดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ
รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามศักยภาพของประเทศ
จึงลดข้อจำกัดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหลายด้าน เช่น ความเหลื่อมล้ำทางรายได้
และการเติบโตของเมืองใหญ่
รัฐบาลจึงหันมาเน้นจัดสรรงบประมาณแบบกลุ่มจังหวัดเพื่อให้จัดสรรและพัฒนาตามพื้นที่แทนการรอรับงบประมาณจากส่วนกลาง
ส่งเสริมให้กลุ่มจังหวัดออกไปโรดโชว์การค้า การลงทุนทำตลาดได้เองในต่างประเทศ ข้อจำกัดด้านค่าแรง ต้นทุนการผลิต
ยอมรับว่าจากการปรับค่าแรง 300 บาทต่อวัน
ยังทำให้อุตสาหกรรมหลายแห่งได้รับผลกระทบเพราะประเทศเพื่อนบ้านมีราคาถูกกว่า จึงต้องส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยี
ความรู้เข้าไปพัฒนาสินค้า หาทางลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย ผลิตน้อยแต่ได้ราคาสูง
และมุ่งส่งเสริมในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และสิ่งทอและเครื่องจักรแบบเดิม
ผ่านการส่งเสริมคนรุ่นใหม่อายุ 30 ปีในยุคนี้ได้พัฒนาตนเองด้วยไอเดีย และนวัตกรรม
ได้รับการสนับสนุนทั้งภาคเอกชนรายใหญ่ อย่างเช่นทรู ซึ่งกำลังจัดทำอยู่ขณะนี้
และยังมีสถาบันการศึกษา แบงก์รัฐช่วยส่งเสริม เพื่อสร้างผู้ประกอบการใหม่
และสมาร์ทเอสเอ็มอีบุกตลาดต่างประเทศ
สำหรับการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย
เมื่อครบกำหนดลงทะเบียนแล้ว มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)
ธนาคารออมสิน ตรวจสอบว่าผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี หรือมีรายได้ 2,500 บาทต่อเดือน
หรือ 80 บาทต่อวัน ทำอาชีพอะไร
มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน
กลุ่มคนเหล่านี้ดำรงชีพลำบาก
แม้รัฐบาลใดเข้ามาบริการจะต้องดูแลเพื่อให้มีชีวิตได้อย่างสมศักดิ์ศรี
จึงต้องหาทางสร้างอาชีพเสริมและดูแลความเป็นอยู่ของกลุ่มคนดังกล่าวให้พัฒนาตนเองและมีจำนวนน้อยลงในอนาคต
ขณะนี้กระทรวงการคลังจึงกำลังศึกษาแนวทางดูแลผ่านสวัสดิการของรัฐ.-สำนักข่าวไทย