กรุงเทพฯ 29 ม.ค. – โฆษก กกพ. เผยราคาแอลเอ็นจีตลาดจรลดลง แต่การลดค่า ft ต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยถึงแนวโน้มค่าไฟงวด 2 คือเดือน พ.ค.-ส.ค. ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าค่า ft จะลดลงได้หรือไม่ แม้ว่าขณะนี้ราคาแอลเอนจีตลาดจรจะลดลงมาแล้ว เพราะต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน ราคาแอลเอ็นจีตลาดจร รวมถึงปริมาณก๊าซในอ่าวไทย ที่จะผลิตได้เพิ่มขึ้นมากเพียงใด เพราะเป็นปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อค่า ft
“ตอนนี้ยังฟันธงไม่ได้ ว่าค่าไฟงวด 2 จะลดลงหรือไม่ เพราะต้องดูปัจจัยเรื่องราคาแอลเอนจีตลาดจร แม้ตอนนี้ราคาจะถูกลงแล้ว ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนก็แข็งค่าขึ้น และที่สำคัญปริมาณก๊าซในอ่าวไทยจะเพิ่มขึ้นตามที่พยากรณ์ไว้หรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการพยากรณ์ว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตเป็น 400 ในเดือนเมษายนและเป็น 600 ในปลายปี 2566 และปริมาณก๊าซในเมียนมาที่ไทยนำเข้ามาจะยังคงรักษาปริมาณเดิมได้หรือไม่ ถ้าได้ตามปัจจัยทั้งหมดที่ดีขึ้นก็จะทำให้ค่าเอฟทีงวด 2 มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้จะสามารถเห็นทิศทางได้ในเดือนมีนาคม เพราะจะมีการเช็กว่าในช่วงที่ผ่านมา คือ รอบตั้งแต่ธันวาคม-กุมภาพันธ์ ค่าต่างๆเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้หรือไม่ มีข้อเท็จจริงอย่างไร
หากทุกปัจจัยเป็นไปในทางที่ดีหมด ทั้งอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ราคาแอลเอ็นจีคงที่ และปริมาณก๊าซในอ่าวไทยเพิ่มเติมตามที่พยากรณ์ไว้ ก็อาจจะทำให้ค่า ft ลดลงได้ ในกรณีที่คิดแบบสะท้อนต้นทุน แต่ทั้งนี้ก็พิจารณาอีกปัจจัยคือ การทยอยจ่ายคืนหนี้ กฟผ.ที่แบกรับภาระค่า Ft เอาไว้ “ นายคมกฤษ กล่าว
ในส่วนของการช่วยเหลือภาคเอกชนสำหรับค่าเอฟทีงวด 2 จากที่ได้แบ่งการคำนวณค่าเอฟที 2 ค่าคืออัตราของภาคประชาชนที่ 4.20 บาท และภาคธุรกิจอื่น ๆ ที่เป็นผู้ใช้ไฟในอัตรา 5.33 บาทนั้นเป็นการคำนวณตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เพราะปกติเอฟทีมีค่าเดียวมาโดยตลอด ซึ่งมติ กพช.ในรอบนั้นได้มีมติให้นำก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยมาให้ประชาชนใช้ก่อน และระบุให้ชัดเจนว่าให้ดำเนินการในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายนเท่านั้น ดังนั้นถ้าไม่มีมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเพื่อต่อเวลาก็คงจะต้องกลับไปใช้ค่าเอฟทีหนึ่งค่าเท่าเดิม โดยจะคำนวณตามสมมติฐานที่วางไว้
ส่วนประเด็นที่ทางภาคเอกชนแสดงความกังวลเรื่องค่าเอฟทีของไทยสูงกว่าเวียดนามเท่าตัว ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันและการดึงดูดนักลงทุน ทางคณะกรรมการ กกพ. พิจารณาเรื่องนี้.-สำนักข่าวไทย