นนทบุรี 20 ม.ค. – คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเคาะราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 15 รอบวันที่ 14-20 ม.ค. 2566 นี้ ซึ่งเกษตรกรกว่า 4,000 รายที่เก็บเกี่ยว โดย ธ.ก.ส. จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรภายในวันที่ 25 ม.ค. 2566
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 15 สำหรับเกษตรกรสี่พันกว่ารายที่แจ้งวันเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 14 – 20 ม.ค. 2566 ปรากฏว่า มีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสูงกว่าราคาเป้าหมายประกันรายได้เกือบทุกชนิดข้าว โดยมีเพียงข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ซึ่งมีเกณฑ์กลางตันละ 13,614.88 บาท ที่เกษตรกรจะได้รับชดเชยส่วนต่างตันละ 385.12 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 6,161.92 บาท สำหรับข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว มีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสูงกว่าราคาประกัน ดังนี้ ข้าวเปลือกปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,147.94 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 10,052.72 บาท และข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,540.13 บาท
สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิจากข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตร พบว่า มีการแจ้งเก็บเกี่ยวหมดแล้ว จึงไม่มีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยสมาคมค้าข้าวไทยและสมาคมโรงสีข้าวไทยให้ข้อมูลว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาข้าวทุกชนิดปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากสถานการณ์การส่งออกยังมีความต้องการข้าวขาวทั้งจากฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และอิรัก จึงมีการเร่งซื้อเพื่อส่งมอบอยู่ในขณะนี้ แม้จะมีแนวโน้มปัจจัยของค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการส่งออกในปี 2565 ทั้งปีมีปริมาณ 7.69 ล้านตัน สูงกว่าเป้าหมาย 7.50 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ซึ่งส่งออกได้ 6.30 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22.06
สำหรับการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างในงวดที่ 15 นี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 25 ม.ค. 2566 โดยในงวดที่ 1 – 14 ที่ผ่านมาจ่ายส่วนต่างแล้ว จำนวน 2.586 ล้านครัวเรือน วงเงิน 7,833.59 ล้านบาท ในส่วนของการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ไร่ละพันบาท) ธ.ก.ส. ได้โอนเงินให้เข้าบัญชีเกษตรกรแล้วกว่า 4.61 ล้านครัวเรือน ทั้งนี้ การโอนเงินให้เกษตรกรที่ผ่านมา ที่มีกรณีโอนเงินไม่สำเร็จจากปัญหาด้านบัญชีเงินฝาก ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้มีการติดตามแก้ไขปัญหาไประดับหนึ่งแล้วทำให้ยอดการโอนเงินให้เกษตรกรไม่สำเร็จลดลง แต่
อย่างไรก็ตาม ขอให้เกษตรกรตรวจสอบบัญชีเงินฝากและติดต่อกับ ธ.ก.ส เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการรับเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการ เช่น กรณีปัญหา ชื่อ – สกุล ไม่ตรง บัญชีปิด บัญชีถูกอายัด หรือหากยังไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรติดต่อเปิดบัญชีใหม่กับ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่ เพื่อ ธ.ก.ส. จะได้ดำเนินการโอนเงินให้แก่เกษตรกรได้ต่อไป กรมการค้าภายใน ได้เพิ่มการติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น ซึ่งหากพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใด ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569.-สำนักข่าวไทย