สำนักข่าวไทย 29 ธ.ค. – สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน มองตลาดหุ้นไทย ปี 66 เติบโตต่อเนื่อง คาด บริษัทจดทะเบียนฯ เติบโตได้อีก 10 % จากแรงหนุน “เปิดประเทศ-การท่องเที่ยว” ขณะที่ปี 65 ตลาดหุ้นไทย ดีกว่าหุ้นทั่วโลก 20 % เงินทุนไหลเข้า 2 แสนล้านบาท
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) และประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บล. ทิสโก้ ให้สัมภาษณ์ในรายการนาทีลงทุน ทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ถึงภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นของไทยในปี 65 โดยระบุว่า ภาพรวมถือว่าเราทำได้ดี เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในต่างประเทศที่เฉลี่ยแล้วลดลงประมาณ 20 % เช่นเดียวกับ แต่ตลาดหุ้นไทย เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 ดัชนียังอยู่ที่เกือบ 1,650 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับช่วงต้นปีที่ จึงถือว่าเราศักยภาพดีกว่าตลาดหุ้นทั่วโลกประมาณ 20 %
ส่วนทิศทางตลาดหุ้นในปี 2566 คาดว่าจะเป็นปีที่ตลาดหุ้นไทย ยังทำได้ดีต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเศรษฐกิจไทยกำลังเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ประเทศอื่นฟื้นตัวไปก่อนหน้าแล้ว ไทยจึงไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยเข้มงวด ส่วนที่อัตราเงินเฟ้อยังไม่สูงเหมือนในหลายประเทศ ขณะเดียวกันไทยเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศตั้งแต่ครึ่งปี 2565 และสร้างโมเมนตัมต่อเนื่องในปีหน้า จึงคิดว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของตลาดหุ้นไทย
“วันนี้ แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง แต่ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นบวก แม้เศรฐกิจสหรัฐจะถดถอย แต่ยังไม่รุนแรง คนยังมีงานทำ ตัวเลขการจ้างงานยังดีมากๆ เงินเก็บยังมี คนทั่วโลกยังยินดีนำเงินไปใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเข้าจุดขายของประเทศไทยพอดี โดยในปี 2565 เรามีนักท่องเที่ยวเข้ามา 10-11 ล้าน คน ส่วนปี 2566 คาดว่าจะมี 20 ล้านคน และหากมีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเข้ามาอีกก็อาจจะไปได้ถึง 25 ล้านคน ทำให้ภาคการท่องเที่ยวเติบโตเกิน 100 % และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติก็มองเห็น” นายไพบูลย์กล่าว
นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ยังกล่าวว่า ส่วนในแง่ของเงินทุนไหลเข้า ปีนี้นักลงทุนต่างชาตินำเงินมาซื้อหุ้นไทยเกือบ 2 แสนล้านบาท ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี เชื่อว่าเงินทุนเหล่านี้ จะอยู่กับไทยอีกสักพัก เพราะประเทศอื่นๆ ยังถือว่ามีความเสี่ยงกว่าบ้านเราเยอะมาก เช่น ประเทศสหรัฐ มีโอกาสแน่นอนที่จะเกิดภาวะถดถอย จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรง ขณะที่ในยุโรป ยังมีปัจจัยเรื่องพลังงาน ที่เป็นตัวแปรจากประเทศรัสเซีย ส่วนไทยน่าจะมีจุดขายทั้งจากการที่นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และประเทศจีนที่แม้จะเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นแต่ หลายคนไม่อยากจะเข้าไปลงทุนตรงในจีน แต่จะมาลงทุนในไทยได้แทน เพราะเราค้าขายกับจีนมาก
สำหรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในปี 2566 มีแนวโน้มดีตามเศรษฐกิจ ที่คาดว่าจะเติบโตในระดับ 4 % โดยคาดว่าจะทำให้ผลประกอบการบริษัทจะทะเบียนเติบโตระดับ 10 %ขึ้นไป จากการฟื้นตัวของเศรฐกิจบ้านเรา ส่วนคำแนะนำว่าจะลงทุนอย่างไรนั้น คิดว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเศรฐกิจในประเทศจะเป็นตัวชูโรง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประเทศ การบริโภค การบริการ การค้าปลีกที่จะฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดด ขณะที่หุ้นปันผลก็ยังน่าสนใจ เพราะแม้จะเป็นสถานการณ์ที่มองว่าภาพรวมจะดี แต่ยังคงมีความเสี่ยงค่อนข้างจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ที่อาจนำมาสู่หลายปัญหาที่ไม่คาดคิดมาก่อน.-สำนักข่าวไทย