พังงา 26 ธ.ค. – กลุ่มเกษตรกรชาวสวนปาล์มหลายจังหวัดภาคใต้รวมตัวส่งหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาราคาผลทะลายปาล์มตกต่ำ โดยตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค. เหลือเพียง 4 บาทต่อกิโลกรัมซึ่งไม่เป็นไปตามประกาศโครงสร้างการคำนวณราคาประมาณการของผลปาล์มน้ำมัน คาดมีความจงใจปั่นป่วนราคา ร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ
นายสุวรรณ อ่องคณา ประธานสมาคมปาล์มน้ำมันเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนกล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรชาวสวนปาล์มหลายจังหวัดภาคใต้ได้ทำหนังสือยื่นถึงผู้ว่าราชการจังหวัด อีกทั้งสมาคมปาล์มน้ำมันเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนทำหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ให้แก้ไขปัญหาราคาผละทะลายปาล์มตกต่ำ โดยให้บังคับใช้และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยสินค้าและบริการอย่างเคร่งครัด
ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม สถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ปาล์ม เกิดความไม่เป็นธรรมการรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน ราคารับซื้อลดต่ำลงกว่าราคาที่ควรจะเป็น โดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งราคารับซื้อไม่เป็นไปตามประกาศโครงสร้างการคำนวณราคาประมาณการของผลปาล์มน้ำมันที่ประกาศให้ราคาผลปาล์มน้ำมัน น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันขวดลิตรมีความสัมพันธ์กัน คำนวณได้เช่น ปัจจุบันน้ำมันขวดลิตรราคา 49-50 บาท ราคาผลปาล์มทะลายควรรับซื้อที่ราคา 6.05-6.30 บาทต่อกิโลกรัม แต่ขณะนี้ราคารับซื้อเหลือเพียง 4 บาทกว่า จึงไม่เป็นไปตามประกาศดังกล่าว รวมถึงไม่ติดตั้งป้ายราคาในการรับซื้อตามแบบที่กกร.กำหนด
นอกจากนี้ยังพบว่า มีความจงใจปั่นป่วนราคาทำให้ราคารับซื้อต่ำกว่าความเป็นจริง ประกาศราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มของไทยทั้งระบบไม่ตรงกับราคาปาล์มน้ำมันที่สำนักงานพาณิชย์ภูมิภาครายงาน ไม่สามารถอ้างอิงเป็นแบบในการปฏิบัติได้ โดยให้ข้อมูลการรายงานราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มของไทยมีความสับสน จนไม่สามารถใช้อ้างอิงใดๆ ได้
ดังนั้นจึงทำหนังสือร้องเรียนเพื่อให้ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการออกประกาศกกร. เพื่องสั่งการและควบคุมให้การซื้อขายผลทะลายปาล์มและน้ำมันขวดลิตรเป็นไปตามประกาศโครงสร้างการคำนวณราคาประมาณการของผลปาล์มน้ำมันโดยเร็วและสอบสวนการปั่นป่วนราคาตามมาตรา 29 เพื่อไม่ให้เกษตรกรปาล์มน้ำมันได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้
วันพรุ่งนี้ผู้แทนสมาคมปาล์มน้ำมันเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะนำหนังสือยื่นถึงนายจุรินทร์ที่กระทรวงพาณิชย์.-สำนักข่าวไทย