ข่าวดี ค่าไฟฟ้าเอฟทีงวด 1/66 รัฐบาลสั่งทบทวน

กรุงเทพฯ 26 ธ.ค.- “สุพัฒนพงษ์” รับลูกนโยบายนายกฯ ปรับลดค่าไฟ Ft ให้กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ (ที่ไม่ใช่บ้านอยู่อาศัย) คาดลดได้ 20 สต./หน่วย พร้อมวอนเอกชนร่วมมือฝ่าวิกฤติ ด้าน กฟผ.ยืนยันต้องได้รับเงินคืนหนี้ ขณะที่ รมว.คลัง พร้อมร่วมมือ ลดเงินนำส่งรัฐของ กฟผ. ด้าน ปตท.พิจารณาพรุ่งนี้ ช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง 6 พันล้านบาท 


นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงแนวทางการช่วยเหลือค่าไฟฟ้างวดแรกปี 1/2566 (ม.ค. – เม.ย.) สำหรับกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ (ที่ไม่ใช่บ้านอยู่อาศัย) โดยปรับลดลงจากเดิมที่ไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) อยู่ที่ 190.44 สตางค์/หน่วย ส่งผลค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเมื่อรวมค่าไฟฐาน อยู่ที่ 5.69 บาท/หน่วย ว่า นายกรัฐมนตรี สั่งการให้พิจารณาตามข้อเรียกร้องของเอกชน ซึ่งผลกระทบนี้เกิดจาก ปัญหาราคาต้นทุนเชื้อเพลิงแพง และได้พยายามเกลี่ยต้นทุน ทำให้ค่าไฟฟ้าสามารถลดต้นทุนได้บางส่วน แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีการคืนหนี้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ด้วยบางส่วน จากเดิมจะต้องคืนหนี้ 33 สตางค์/หน่วย จากวงเงินที่ กฟผ.รับภาระค่าเชื้อเพลิงให้ก่อนไม่ต่ำกว่า 1.2 แสนล้านบาท โดยได้มอบให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)  นำกลับไปพิจารณาแนวทางและกำหนดอัตราที่เหมาะสมใหม่ คาดว่า กกพ.ที่น่าจะมีคำตอบภายใน1-2 วันนี้ 

“นายกฯ สั่งให้ทบทวนต้นทุนพื่อบรรเทาผลกระทบ แต่จะให้ไม่ขึ้นเลยก็ไม่ได้ เพราะหลักๆมาจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี ) และก็อยากขอให้เอกชนมาร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดพลังงาน หรือโรงงานใดเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากไฟฟ้าไปน้ำมันเตาแทนชั่วคราวได้หรือไม่ หรือถ้าธนาคารพาณิชย์ ช่วยลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับ กฟผ. ก็น่าจะเป็นการฝ่าวิกฤตไปร่วมกัน ส่วนที่ระบุว่า ค่าไฟฟ้าไทยแพงกว่าเพื่อนบ้านที่จัดเก็บเพียง 2 บาทต่อหน่วยนั้น เรื่องนี้ก็ได้มีการตรวจสอบจากนักลงทุนที่ลงทุนในประเทศดังกล่าว ก็ไม่เห็นค่าไฟฟ้าอัตรานี้แต่อย่างใด ส่วนสำรองไฟฟ้าที่ว่าสูงกว่า 60 % นั้นก็เข้าใจว่าน่าจะคลาดเคลื่อน สำรองที่สูงก็ไม่ได้เกิดจากรัฐบาลชุดนี้ และต้องยอมรับว่า สำรองที่สูงส่วนหนึ่งก็มาจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป เอกชนก็มีการผลิตไฟฟ้าใช้เอง(ไอพีเอส )ทำให้ต้นทุนต่ำลง ”นายสุพัฒนพงษ์กล่าว


นายสุพัฒนพงษ์  กล่าวว่าในส่วนบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150หน่วยต่อเดือนนั้น ภาครัฐจะมีมาตรการช่วยเหลือต่อ เนื่องอย่างแน่นอน  แต่ในส่วนของผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือนที่เดิมมีการช่วยเหลือแบบให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแบบขั้นบันได จะได้รับการช่วยเหลือต่อหรือไม่ ยังต้องรอความชัดเจนจากทางบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางจะมาช่วยเหลือเท่าใด หลังจากก่อนหน้านี้ มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)เมื่อ25 พ.ย.65 ขอความร่วมมือจาก ปตท.ให้พิจารณาจัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ 1,500 ล้านบาทต่อเดือนเป็นระยะเวลา 4 เดือน(ม.ค.-เม.ย.66) หรือวงเงินรวม 6,000 ล้านบาทนั้น แนวทางนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ปตท.

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  ปตท. กล่าวว่า บอร์ด ปตท.จะพิจารณาการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าในวันพรุ่งนี้ โดย อาจจะไม่ใช่ในรูปวงเงิน แต่จะเป็นรูปแบบใด หรือส่วนลดต้นทุนใดก็จะพิจารณารายละเอียดต่อไป โดยแนวทางการดำนเนการก็จะพิจารณาถึงผลกระทบทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นของปตท. เช่นกัน 

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่ากฟผ. กล่าวว่า  กฟผ.ยังจำเป็นจะต้องได้รับเงินเพื่อทยอยจ่ายคืนหนี้ ซึ่งตัวเลข ณ สิ้นเดือน ส.ค.อยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท และหากถึงสิ้นเดือน ธ.ค. 65 จะรวมเป็น 1.6 แสนล้านบาท  ซึ่ง กฟผ.เสนอให้ชำระหนี้คืน 2 ปี วงเงินต่องวดราว กว่า 2 หมื่นล้านบาท หรือ 33 สตางค์/หน่วย และหากจะลดวงเงินชำระคืน ต่อ กฟผ. ก็จะต้องหาวงเงินอื่นจากรัฐมาสนับสนุนแทน เพราะ กฟผ.ไม่สามารถกู้เงินได้อีก  เช่น รัฐอาจจะยกเว้นการนำเงินส่งเข้าคลังของกฟผ.ทั้งหมดในปีงบประมาณ 2565 ที่คาดว่าจะอยู่ที่กว่า 2 หมื่นล้านบาท เป็นต้น 


นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ กกพ. ในฐานะโฆษกกกพ. กล่าวว่า บอร์ดกกพ.จะหารือเรื่องค่าไฟฟ้า 28 ธ.ค.ส่วนจะลดลงได้มากน้อยแค่ไหนอยู่ที่ 2 ส่วนสำคัญคือ  1. กฟผ.จะมีความสามารถในการเลื่อนชำระหนี้ได้มากน้อยเพียงใด และ 2. บมจ.ปตท.มีการทบทวนตัวเลขราคาก๊าซฯสำหรับโรงไฟฟ้าเอกชน  ซึ่งตัวเลขเบื้องต้นก็อาจจะลดลงได้ 20 สตางค์ต่อหน่วย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังเข้าใจเรื่องความเดือดร้อนของทุกภาคส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าที่ขยับขึ้น และ กฟผ.ก็เข้ามาร่วมรับภาระให้ก่อน ดังนั้น จึงพร้อมพิจารณาข้อเสนอของกฟผ.ในการปรับลดวงเงินนำส่งรัฐของ กฟผ. จากก่อนหน้านี้ นำส่งกว่า 50%ของผลกำไร แต่จะมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องพิจารณารายละเอียดก่อน

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ในปี 2566  กรมฯได้เร่งรัดจัดหาก๊าซฯในอ่าวไทยและเพื่อนบ้าน ทดแทน การนำเข้าแอลเอ็นจีให้มากที่สุด โดยยอมรับว่าค่าไฟฟ้าแพงเกิดจาก การที่เจ้าของสัมปทานแหล่งเอราวัณ(G1/61)เปิดให้บมจ. ปตท.สำรวจและผลิจปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) เข้าพื้นที่ล่าช้าทำให้ ไม่สามารถผลิตก๊าซได้ตามแผน   800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตามระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต(PSC)ต้องนำเข้าแอลเอ็นจีมาทดแทนแต่ก็เกิดปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาก็พุ่งขึ้น เอราวัณแผนผลิต 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในช่วงเดือนก.ค.2566 และเพิ่มเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในช่วงปลายปี 2566 และเพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงเดือนเม.ย. 2567 จากปัจจุบัน อยู่ที่กว่า 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และในปี2566 แหล่งบงกช จะผลิตก๊าซฯภายใต้ระบบPSC เต็มรูปแบบ 700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จะส่งผลให้ราคาก๊าซฯ เปลี่ยนแปลงตามสัญญาPSC ถูกลงอยู่ที่ประมาณ 4 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 8 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ก็น่าจะทำให้ราคาก๊าซฯเฉลี่ยในประเทศถูกลงได้ ก็เป็นปัจจัยบวกต่อค่าไฟฟ้าในปีหน้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]