กรุงเทพฯ 5 พ.ค. – ราคาน้ำมันขายปลีกขาลง
ค่าการตลาดโด่ง ประมาณ1.70-1.90 บาทลิตร หลังราคาน้ำมันดิบดิ่งต่ำสุดในรอบ
5 เดือน
ด้านเอสพีอาร์ซี คุยค่าการกลั่นฯไตรมาส 1 เฉลี่ยเกือบ 8
ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศมีแนวโน้มปรับลดลงอีก
โดยค่าการตลาดน้ำมันในปัจจุบัน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
รายงานว่าอยู่ที่ประมาณ1.70-1.90 บาทลิตร ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงไปอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ
5 เดือน
โดยวานนี้ (4พ.ค.)ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส
สหรัฐปรับลดลง 2.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ปิดที่ 45.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลและน้ำมันเบรนท์
ประเทศอังกฤษ ลดลง 2.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 48.38 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ด้านราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ลดลงทั้งหมดเช่นกัน
โดยน้ำมันดิบดูไบ ลดลง 0.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 49.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
น้ำมันเบนซิน ลดลง1.09 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 61.89 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ดีเซลลดลง 1.18 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่
59.12 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานว่า ราคาน้ำมันลดลงจากความกังวลของนักลงทุนที่มีต่ออุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด
หลังตัวแทนจากผู้ผลิตน้ำมันในกลุ่มโอเปกเผยว่า กลุ่มโอเปกและผู้ผลิตน้ำมันรายอื่น ๆ
ที่ร่วมทำข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตมีแนวโน้มที่จะต่อระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปในช่วงครึ่งปีหลังของปี
2560
แต่ไม่น่ามีการปรับลดกำลังการผลิตมากไปกว่าที่ได้ตกลงไว้ที่ 1.8
ล้านบาร์เรลต่อวัน
ด้าน นาย Alexander Novak รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของประเทศรัสเซียออกมาให้ความเห็นว่า
รัสเซียจะให้ความร่วมมือขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อในช่วงครึ่งหลังของปี
2560
นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบยังถูกกดดันจากอุปสงค์ด้านพลังงานที่เติบโตช้าลงของประเทศจีน
จากผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในภาคการบริการของประเทศจีนในเดือนเมษายนปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ
51.5 จากระดับ 52.2 ในเดือนมีนาคม
โดยปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 4 เดือน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศจีนในช่วงไตรมาสที่ 2 จะชะลอตัวลง
หลังจากที่มีการขยายตัวมากกว่าคาดการณ์ในไตรมาสแรกที่ร้อยละ 6.9
ด้านนายบิล สโตน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บมจ.
สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง หรือ SPRC เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทฯ
ในไตรมาสที่ 1/2560 ว่า SPRC มีรายได้รวม 1,276
ล้านดอลลาร์สหรัฐ (44,880 ล้านบาท) และมีกำไรสุทธิ 82
ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2,909 ล้านบาท) โดยในไตรมาสที่ 1/2560 บริษัท
มีค่าการกลั่นตลาด 7.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงกว่าในไตรมาสที่ 4/2559 เล็กน้อย
ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของการขายผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ และความสามารถในการเพิ่มผล กำไรผ่านโครงการปรับปรุงผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
(Bottom Line Improvement Program)–สำนักข่าวไทย