บสย.ปลื้ม “จับคู่กู้ค้ำ” ผลตอบรับดี

กรุงเทพฯ 30 พ.ย. – บสย. ปลื้ม “จับคู่กู้ค้ำ” ผลตอบรับดี ยอดต้องการสินเชื่อพุ่ง 2,400 ล้านบาท 5 ธนาคาร พร้อมใจส่งแพ็กเกจสินเชื่อ-ค้ำประกัน เงื่อนไขดี เพื่อ SMEs


นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า การจัดงานมหกรรม “จับคู่กู้ค้ำ” ระหว่าง บสย. ร่วมกับ 5 ธนาคารพันธมิตร นับว่าได้รับผลตอบรับดีเกินคาด จากผู้ประกอบการ SMEs ที่ลงทะเบียนออนไลน์ผ่าน Line : TCG First ต้องการสินเชื่อกว่า 2,400 ล้านบาท นับเป็นโครงการนำร่องจับคู่สินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อผ่านระบบออนไลน์ ที่ประสบความสำเร็จตามแผนงานกระตุ้นการเข้าถึงสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2565 หลังการเปิดประเทศ และเข้าสู่ช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แนวโน้มการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่อง

ความร่วมมือการสนับสนุนสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ ระหว่าง บสย. และ 5 ธนาคารพันธมิตร ในมหกรรม “จับคู่กู้ค้ำ” เติมทุนออนไลน์แก่ผู้ประกอบการ SMEs ภาคการส่งออก กลุ่ม Start up กลุ่มนวัตกรรม และ BCG ที่ต้องการสินเชื่อแต่ขาดหลักประกัน ด้วยโครงการค้ำประกันสินเชื่อรายสถาบันการเงิน หรือ BI7 (บี ไอ เจ็ด) ร่วมกับผลิตภัณฑ์สินเชื่อของธนาคารพันธมิตร เปิดตัวแพ็กเกจ “สินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ BI7” เติมเต็มศักยภาพทางการเงิน จะเป็นมาตรการการบูรณาการความร่วมมือทางการเงินที่ช่วยเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง


นางดุสิดา ทัพวงษ์ รองผู้จัดการทั่วไป สายงานบริหารช่องทางและพัฒนาผู้ประกอบการ บสย. กล่าวว่า มหกรรม “จับคู่กู้ค้ำ” ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ SMEs จำนวนมาก ลงทะเบียนออนไลน์เข้าร่วมรับฟังแพ็กเกจสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ เงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ อาทิ ผู้ประกอบการ SMEs ที่กำลังต้องการเงินทุนหมุนเวียนและการขยายธุรกิจ ในกลุ่มธุรกิจค้าขายออนไลน์ โดยมี 5 ธนาคารพันธมิตร ร่วมจับคู่กับโครงการค้ำประกันสินเชื่อ โดยใช้โครงการค้ำประกันสินเชื่อรายสถาบันการเงิน หรือ BI7 วงเงินรองรับ 11,000 ล้านบาท ได้แก่ ธนาคารธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME D Bank และธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย รวมไฮไลท์ส่งท้ายปีแพ็กเกจ สินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อรายสถาบันการเงิน BI7 ร่วมกับ 5 ธนาคารพันธมิตร ได้แก่

1.สินเชื่อจากธนาคารออมสิน
1.1 สินเชื่อ “ Soft Loan Re Open” สำหรับธุรกิจโรงแรม และซัพพลายเชนของโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด สูงสุดต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท

1.2 สินเชื่อ “GSB for BCG Economy” หนุนผู้ประกอบการ SME ที่นำทฤษฎีเศรษฐกิจใหม่ BCG มาใช้ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาท ทั้งระยะสั้น ไม่เกิน 1 ปี และระยะยาว ไม่เกิน 10 ปี


2.สินเชื่อจากธนาคารกรุงไทย
2.1 สินเชื่อ Krungthai sSME Smart shop สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย sSME สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ใช้ Application ถุงเงินประชารัฐ เป๋าตุงกรุงไทย กลุ่มผู้ประกอบการร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านค้าตามโครงการของภาครัฐ

2.2 สินเชื่อ Krungthai sSME 3 เท่า อัตราดอกเบี้ย MRR +2.5% ผ่อนยาว 7 ปี ได้วงเงินสูงสุด 3 เท่าของหลักประกัน

2.3 สินเชื่อ Krungthai sSME Supply Chain Financing สำหรับผู้ประกอบการที่ซื้อสินค้าหรือบริการจากกลุ่มคู่ค้าพันธมิตรของธนาคาร วงเงินสูงสุด 3 เท่าของยอดซื้อ ไม่ต้องใช้เอกสารแสดงรายได้

3.สินเชื่อจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK )
3.1 สินเชื่อเพื่อผู้ส่งออกป้ายแดง (Brand New Export Financing) เพื่อผู้ส่งออกป้ายแดง ลูกค้าปัจจุบัน วงเงินกู้สูงสุดต่อราย 5 ล้านบาท และลูกค้าใหม่ วงเงินกู้สูงสุดต่อราย 2 ล้านบาท

3.2 สินเชื่อ Exim Export Ready Credit วงเงินทุนเสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออก ผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออก และผู้ประกอบการค้าชายแดน วงเงินสินเชื่อสูงสุดต่อราย 5 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 3 ปี

4.สินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME D BANK
4.1 สินเชื่อ SMEs Re-Start สำหรับผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ผ่อนนาน 10 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 24 เดือน

4.2 สินเชื่อ SME 3 D ครอบคลุมทุกความต้องการของ SMEs ประกอบด้วย สินเชื่อ SMEs D Plus สินเชื่อ SMEs D เพื่อการลงทุน และ SMEs D เสริมสภาพคล่องระยะเวลากู้สูงสุด 10 ปี ปลอดชำระเงินต้น นานสูงสุด 18 เดือน วงเงินสูงสุดต่อรายไม่เกิน 50 ล้านบาท

5.สินเชื่อจากธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย
5.1 สินเชื่อ SME กล้าให้เต็ม MAX สูงสุด 35 ล้านบาท สินเชื่อระยะยาว สำหรับผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป เป็น Term Loan วงเงินกู้ตั้งแต่ 0.2-10 ล้านบาท

5.2 สินเชื่อ SME กล้าให้เกิน 100 วงเงินอนุมัติ 20 ล้านบาท
5.3 สินเชื่อ SME กล้าให้เต็ม Speed สูงสุด 10 ล้าน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน

5.4 สินเชื่อ SME กล้าให้ เพื่อผู้ประกอบการ SMEs บัญชีเดียว ที่ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป

นับเป็นการเปิดช่องทางใหม่ของการจับคู่สินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ รูปแบบใหม่ ที่ บสย. พัฒนาขึ้นเพื่อเชื่อมโยงการเข้าถึงระหว่างผู้ประกอบการ SMEs และแหล่งทุน โดยมี บสย. เป็นตัวกลางเชื่อมโยง ช่วยค้ำประกันสินเชื่อ โดยมีผู้แทนทั้ง 5 ธนาคารพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อ BI7 ร่วมเติมทุนให้ SMEs ช่วงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สร้างบรรยากาศการค้าการลงทุนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อมตอบข้อซักถามผู้ประกอบการ SMEs กำลังมีแผนลงทุน ปรับปรุงกิจการ และขยายกิจการ เพื่อนำไปประกอบแนวทางการพัฒนาธุรกิจต่อไป

สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการปรึกษาข้อมูลด้านสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ ตรวจสุขภาพทางการเงินฟรี โดยกูรูสินเชื่อและธุรกิจ จากศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs หรือ บสย. F.A.Center ที่ Line TCG First ค้นหา @doctor.tcg .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ

3 ส.ค. – เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ ห้วงปะทะวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (3 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้ทำลายบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงภูมะเขือได้ หลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ภูมะเขือ ผลักดันทหารกัมพูชาอยู่บนจะงอยหน้าผาออกไปทั้งหมด พร้อมทำลายกระเช้า และฐานทหารกัมพูชาด้านล่างภูมะเขือ โดยการใช้โดรนติดระเบิด ล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพทหารทำลายบันไดช่องคานม้า ในระหว่างยึดพื้นที่ได้จากการเหตุปะทะช่วง 5 วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ชาวเชียงใหม่ร่วมจุดเทียนสดุดี 15 วีรบุรุษชายแดน

3 ส.ค.- ชาวเชียงใหม่ ร่วมกันจุดเทียน แสดงความไว้อาลัย สดุดี 15 วีรบุรุษทหารที่พลีชีพปกป้องแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณ หน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ ประชาชนได้รวมตัวทำกิจกรรมร้องเพลง เขียนข้อความ พร้อมโบกธงชาติไทย เพื่อส่งกำลังใจให้กับทหารที่อยู่แนวหน้า ชายแดนไทย-กัมพูชา และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เพื่อเป็นการสดุดีทหาร 15 นายที่พลีชีพในการสู้รบปกป้องอธิปไตย อีกทั้งอ่านรายชื่อทหาร วางพวงหรีดและจุดเทียน แสดงความไว้อาลัยพร้อมทั้งยืนสงบนิ่ง อธิฐานขอให้เจ้าหน้าที่ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ปลอดภัยทุกนาย นอกจากนี้ บริเวณย่านถนนท่าแพ หน้าอาคารพุทธสถานเชียงใหม่ มีการนำภาพทหารที่เสียชีวิตทั้ง 15 นายติดไว้ริมถนนและมีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชน มาวางดอกไม้ แสดงความอาลัย -สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯ อีสาน เข้มโดรน-จับตาสถานที่สำคัญ

3 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯ จังหวัดอีสาน เข้มมาตรการกำจัดโดรน สั่งจับตาสถานที่สำคัญ ศาลากลางจังหวัด-คลังอาวุธ-สถานีขนส่ง บูรณาการตำรวจจับผู้ก่อเหตุ ดำเนินคดีข้อหาหนัก “ก่อการร้าย-ไส้ศึก” เมื่อวันที่ 3 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า วานนี้ (2 ส.ค.) ได้มีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัดภาคอีสาน ผ่านระบบ VTC เรื่องมาตรการกำจัดโดรน โดยให้ผู้ว่าแต่ละจังหวัด ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จังหวัด ให้แต่ละหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคเอกชน ประชาชน จัดหาเครื่องแอนตี้โดรน ป้องกันจังหวัดของตัวเอง โดยเฉพาะเพ่งเล็งในพื้นที่สำคัญ อาทิ ศาลากลางจังหวัด สนามกีฬา คลังอาวุธ สถานีตำรวจ สถานีขนส่ง และสนามบิน นอกจากนี้ให้มีการจัดชุดลาดตระเวนพิสูจน์ทราบบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ หากสามารถควบคุมตัวได้ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดในทุกประเด็น เช่น ก่อการร้าย ไส้ศึก โดยโทษหนักสุดถึงขั้นประหารชีวิต คงต้องไปดูข้อกฎหมาย ทั้งนี้ได้กำชับห้ามปล่อยตัวง่ายๆ ต้องตรวจสอบไปถึงต้นตอ […]

พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน บินเหนือน่านฟ้าสุรินทร์

สุรินทร์ 3 ส.ค. – พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน บินเหนือน่านฟ้าเมืองสุรินทร์ ชาวบ้านกังวลเรื่องความปลอดภัย ขณะที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าเป็นโดรนหรือเครื่องบินขนาดเล็ก เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มีรายงานว่าพบวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายโดรน บินเหนือหลายพื้นที่ในจังหวัดสุรินทร์เป็นจำนวนมาก โดยยังไม่มีคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานราชการ ว่าวัตถุดังกล่าวเป็นโดรนจริง หรือเป็นอากาศยานชนิดใดกันแน่ ชาวบ้านในพื้นที่ได้โพสต์และแชร์ภาพวัตถุปริศนา บินอยู่เหนือเขตเมืองและพื้นที่ชายแดน ซึ่งถือเป็นพื้นที่หวงห้ามตามคำสั่งของกองทัพ ห้ามอากาศยานไร้คนขับบินโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ทีมข่าวลงพื้นที่และสามารถบันทึกภาพวิดีโอไว้ได้ โดยพบวัตถุลักษณะคล้ายโดรนบินจากรอบนอกเมืองเข้าสู่เขตชั้นในของตัวเมืองสุรินทร์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าเป็นโดรนหรือเครื่องบินขนาดเล็ก ล่าสุดเช้าวันนี้ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ยังจุดที่ชาวบ้านแจ้งว่าพบเห็นวัตถุดังกล่าว โดยมีการนำภาพถ่ายที่บันทึกไว้ตั้งแต่ช่วงเย็นขณะที่ท้องฟ้ายังสว่างให้ทีมข่าวดู ภาพปรากฏวัตถุคล้ายเครื่องบินขนาดเล็ก หรือโดรนที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัด ชาวบ้านบางส่วนแสดงความวิตก ว่า วัตถุดังกล่าวอาจมีลักษณะคล้ายโดรนพลีชีพหรืออาจบรรทุกวัตถุระเบิด ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกและกังวลในชุมชน จึงอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ หรือหน่วยงานความมั่นคง ออกมาชี้แจงโดยเร็ว เพื่อความสบายใจของประชาชนในพื้นที่ . – 716 – สำนักข่าวไทย