เอกชนพร้อมเดินหน้าเป็นเจ้าภาพร่วมงาน APEC

กรุงเทพฯ 14 พ.ย. – ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ระบุความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพ APEC ของประเทศไทยในสัปดาห์นี้ จะเป็นเวทีใหญ่ของฝั่งภาคเอกชน เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างนักธุรกิจชั้นนำของเอเปคจาก 21 เขตเศรษฐกิจ 


นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยถึงความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพ APEC ของประเทศไทยในสัปดาห์นี้ ซึ่งภาคเอกชนได้มีการประชุมและจัดการสัมมนาที่สำคัญเช่นเดียวกันกับภาครัฐ โดยงานใหญ่ของฝั่งภาคเอกชน ที่ กกร. เป็นเจ้าภาพ คือ การประชุม APEC CEO Summit ในวันที่ 17-18 พฤศจิกายน นี้ เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างนักธุรกิจชั้นนำของเอเปคจาก 21 เขตเศรษฐกิจ โดยจะมีการเชิญผู้นำ และบุคคลสำคัญระดับโลกทั้งจากภาครัฐและเอกชน ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ได้รับการตอบรับจากผู้นำเป็นจำนวนมาก โดยเป้าหมายหลักในการจัดงานครั้งนี้ คือ การส่งเสริมการเปิดเขตเสรีการค้าและการลงทุน รวมถึงความร่วมมือด้านสังคมและการพัฒนาในทุกมิติ 

แม้การตอบรับอย่างเป็นทางการจะยังอยู่ในกระบวนการ แต่ ณ เวลานี้สามารถแจ้งได้ว่า ผู้นำเขตเศรษฐกิจที่ยืนยันอย่างเป็นทางการในการเข้าร่วมงาน เช่น นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นางจาซินดา อาร์เดิร์น(Jacinda Ardern) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ นายแอมานุแอล มาครง (Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีฝรั่งเศสนายเหงียน ซวน ฟุก (Nguyen Xuân Phúc) ประธานาธิบดีเวียดนาม นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ นายโฮเซ เปโดร กัสติโย เตร์โรเนส (José Pedro Castillo Terrones) ประธานาธิบดีเปรู, นายกาบริเอลโบริช ฟอนต์ (Gabriel Boric Font) ประธานาธิบดีชิลี รวมทั้ง ผู้นำองค์กรระดับโลกอย่าง นายโรเบิร์ต อี มอริตซ์ประธาน บริษัท PricewaterhouseCoopers ศาสตราจารย์เคลาส์ มาร์ติน ชวับ (Klaus Martin Schwab)  ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร World Economic Forum (WEF)  เข้าร่วมเป็นต้น นอกจากนี้ ซีอีโอไทยชั้นนำ อาทิ นายศุภชัยเจียรวนนท์ ประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยังจะร่วมแลกเปลี่ยนทัศนะและการฉายภาพความเป็นผู้นำของธุรกิจไทยให้เป็นที่ประจักษ์แก่เวทีโลก 


สำหรับโอกาสของคนไทยและเศรษฐกิจไทยนั้น การเป็นเจ้าภาพจัดประชุม APEC CEO Summit 2022 จะช่วยให้ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้น และมีการพัฒนาระบบเพื่อการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน การลดและยกเลิกปัญหาอุปสรรคทางการค้า รวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันของผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยของไทยให้เข้าสู่ระบบการค้าโลกได้ เป็นการสนับสนุนการนำไปสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค นอกจากนั้น ยังจะช่วยเปิดโอกาสด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ให้แก่ผู้ประกอบการ และคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมตัวของผู้นำ บุคคลสำคัญ รวมทั้งซีอีโอ จากทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชนระดับโลก ที่ได้รับการเรียนเชิญเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางธุรกิจในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทิศทางเศรษฐกิจของโลก 

ทั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยและคนไทยทุกคน ที่จะได้รับรู้และรับทราบการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เนื่องจาก APEC คือเขตเศรษฐกิจที่มี GDP รวมกันไม่ต่ำกว่า 60% เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่เติบโตเร็วและใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้น เวทีนี้จึงมีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นอย่างมาก นอกจากงาน APEC CEO SUMMIT ก็ยังมีเวทีสำคัญของ กกร. ที่จะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งประกอบด้วย การประชุม APEC Business Advisory Council – ABAC ระหว่างวันที่ 14-15 พฤศจิกายน ซึ่งปัจจุบัน 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำรงตำแหน่งประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค(ABAC) ในปีนี้ โดย ABAC ถือเป็นหน่วยงานภาคเอกชนที่เป็นตัวแทนภาคธุรกิจที่ทำหน้าที่เสมือนที่ปรึกษา ให้คำแนะนำแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจในการดำเนินงานส่งเสริมด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งหลังการประชุมในเวทีนี้จะมีการนำเสนอประเด็นของ ABAC ต่อผู้นำเขตเศรษฐกิจ 21 เขตเศรษฐกิจ ในระหว่าง วันที่ 18 – 19 พฤศจิกายนนี้หอการค้าไทยมองว่า การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมที่เวียนมาในรอบ 20 ปี จะทำให้นานาชาติกลับมา Focus ที่ประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งเราต้องใช้โอกาสนี้ในการขยายการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการจัดทำและผลักดัน FTAAP กับประเทศต่าง ๆ ให้มากขึ้น นอกจากนี้ จะเป็นการนำเสนอศักยภาพของประเทศไทย ให้นานาชาติได้เห็นถึงความพร้อมในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งในระยะถัดไปจะเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการทำให้ต่างชาติเข้าใจ BCG Model ที่เป็นแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ซึ่งสอดคล้องกับ COP27 และเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย 


อย่างไรก็ตาม การจัดการประชุมครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญของไทย เพราะจะเป็นโอกาสให้ 21 เขตเศรษฐกิจ และ3 ประเทศ ที่เป็นแขกพิเศษของรัฐบาล คือ ซาอุดิอาระเบีย เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซาอุดีอาระเบีย จะนำคณะภาครัฐและเอกชนของซาอุฯกว่า 600 คนเยือนไทย โดยมีกำหนดการพบกับนายกรัฐมนตรีของไทยในวันที่ 18 พ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล ไฮไลท์สำคัญจะมีการลงนาม MOU 2 ฉบับสำคัญ ในความร่วมมือด้านการลงทุน และด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลนีและนวัตกรรม รวมถึงการจะมีเวทีจับคู่เจรจาธุรกิจกับภาคเอกชนไทย  เพื่อผลักดันการลงทุนร่วมไทย–ซาอุฯ ซึ่งหอการค้าไทยเชื่อว่าส่วนนี้จะเป็นการเปิดโอกาส ไม่ใช่เฉพาะกรอบพหุภาคี APEC หรือ ASEAN แต่ระหว่างทวิภาคีก็มีโอกาสเช่นกัน

ส่วนฝรั่งเศส นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดี จะได้มีการหารือของนายกรัฐมนตรีไทย ถึงความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาไทย-ฝรั่งเศส เฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยและและพัฒนายางพารา รวมถึงการขยายการลงทุนของมิชลินหนึ่งในผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ในไทย และ รัฐบาลไทยได้เชิญสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นแขกพิเศษของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำความสำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะภูมิภาคที่มีโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง แม้ว่ากัมพูชา จะไม่อยู่ในสมาชิกเอเปค แต่ในปีนี้กัมพูชาเป็นประธานอาเซียน จะเป็นโอกาสที่ได้ร่วมกันแสดงบทบาท และดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นในเอเชีย-แปซิฟิก ด้วย

นอกจากนี้ การตอบรับคำเชิญของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในฐานะหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทยกับจีนซึ่งครบรอบ10 ปี ในปีนี้ เพื่อนำไปสู่โอกาสครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศในปี 2568 และจะมีการหารือเพื่อเร่งรัดแผนงานต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงการค้า การลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะการเชื่อมแผน belt and road initiative ของจีน กับ พื้นที่ EEC ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วขึ้น

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือความยั่งยืนที่ประเทศไทยชูเรื่อง แนวคิด Bio-Circular-Green Economy Model (BCG) ที่ประกอบด้วย เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ใช้ทรัพยากรชีวภาพสร้างมูลค่าเพิ่ม นำทรัพยากรชีวภาพมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ได้แก่การนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) คือการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กับการพัฒนาสังคม และรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน (sustainable) ทั้งนี้ จากการสำรวจก่อนการประชุมนั้น พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่แม้ว่าจะมีการตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน แต่หลายภาคส่วนยังไม่เข้าใจถึงแนวคิดและการขยายผลของBCG  ซึ่งโอกาสนี้จะได้เป็นการสร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นในวงกว้างและผู้ประกอบการสามารถเข้าใจในแนวคิดการนำBCG ไปปรัใช้ เช่น การนำพันธุ์ข้าวต่างๆ มาปรับปรุง เพื่อให้ได้ข้าวคุณภาพสูง ขายได้ราคาดีในตลาดโลก เช่น ข้าวไรส์เบอรี่ หรือ การนำเอาสมุนไพร เช่น ฟ้าทะลายโจรมาผลิตสเปรย์ฉีดพ่นในปาก เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดจากการนำเอาแนวทาง BCG มาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับมูลค่า และภายใต้การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนต่อไป

การจัดงานในครั้งนี้ หอการค้าฯ ให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก โดยการจัด APEC CEO SUMMIT ได้เปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาว หรือที่เรียกว่า YEC จากทุกจังหวัดเข้ามามีส่วนร่วมและเรียนรู้งานด้านการต่างประเทศรวมถึงเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งคนรุ่นใหม่หล่านี้จะเกิดความภาคภูมิใจ ในฐานะผู้มีส่วนร่วมกำหนดอนาคตเศรษฐกิจของประเทศ และจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของแต่ละจังหวัดต่อไป

สำหรับภาพรวมการจัดเอเปคของไทยในปีนี้ หอการค้าไทย คาดว่า จะมีแขกที่เข้าร่วมของภาครัฐ และการจัดงานของเอกชนรวมผู้ติดตามแล้วไม่ต่ำกว่า 5,000 คน คาดจะเกิดเงินหมุนเวียนโดยตรงในระบบทันทีประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท และจากการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้จะมีการออกข่าวและประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปทั่วโลก จะมีผลต่อความเชื่อมั่นประเทศไทย ทั้งในแง่การค้า การท่องเที่ยวและการลงทุนจากนานาชาติโดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยให้ต่างชาติได้เห็น ประเมินผลทางอ้อมหลังจบงาน จะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยร่วม 20,000 ล้านบาท

ในระหว่างการจัดประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จะได้มีการนำเสนอเนื้อหาและข้อสรุปในแต่ละช่วงรายงานให้ประชาชนได้รับทราบเป็นระยะ และภายหลังจากการประชุมเสร็จสิ้น ภาคเอกชนและสถาบันวิชาการจะได้มีการประเมินผลสำเร็จทั้งทางตรงและทางอ้อม ตลอดจนโอกาสด้านต่าง ๆ ที่ไทยจะได้รับหลังจากการเป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในทุกมิติให้เติบโตอย่างเข้มแข็งต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

จับหมอดังฟอกเงิน

ออกหมายจับ “หมอดัง” พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน”

ตำรวจออกหมายจับ “หมอดัง” พร้อมพวกรวม 9 คนข้อหา “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ล่าสุดจับได้แล้ว 6 คน ส่วนอีก 3 คน อยู่ระหว่างติดตามตัว เบื้องต้นมีข้อมูลว่า “หมอดัง” หนีออกนอกประเทศตั้งแต่ ก.ย.ที่ผ่านมา

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน