กรุงเทพฯ 9 พ.ย. -OR มุ่งสูความยั่งยืนเร่งขยายงานทั้งในและต่างประเทศ นำนวัตกรรมประเมินความเสี่ยงเข้าช่วยในการขยายสาขาทั้งปั๊ม-คาเฟ่อเมซอน ปลื้มยอดขายพุ่งใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด-19
นายสุชาติ ระมาศ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ หรือบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า โออาร์มุ่งทำธุรกิจสู่ความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนา องค์กรอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้าง คุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียอย่างสมดุล โดยในช่วงที่ผ่านมาในเรื่องผลกระทบจากช่วง โควิด-19 ยอดใช้น้ำมันของประเทศที่ลดลง เป็นบททดสอบที่เข้มแข็ง โดยโออาร์ร่วมกับดีลเลอร์ ที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ร่วมมือกันในการดูแลธุรกิจทั้งขยายสาขาปัมน้ำมัน, ร้านกาแฟ คาเฟ่อเมซอนและธุรกิจใหม่อื่นๆ โดยในส่วนของยอดขายต่อสาขาในขณะนี้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด ในขณะที่สาขาเพิ่มก็ทำให้ยอดขายโดยรวมโตต่อเนื่อง ซึ่งในการขยายงานจะดำเนินการทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะปีหน้าปั๊มในกัมพูชาเราจะพัฒนาโฉมใหม่ ดึงดูดลูกค้าและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการสร้างพันธมิตรในธุรกิจใหม่เสริมความแข็งแกร่งของทั้งโออาร์และพันธมิตร โดยเฉพาะเอสเอ็มอีและชุมชนเติบโตไปด้วยกัน
ในไตรมาส3/65 กลุ่มธุรกิจ Lifestyle มีเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม 4,023 สาขาแบ่งเป็น ร้าน Cafe Amazon3,765 สาขา เป็นสาขาในประเทศไทยที่อยู่ในสถานีบริการ 2,107สาขา และนอกสถานีบริการ 1,658 สาขาคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 56.0% และ 44.0% ตามลำดับ รวมทั้งมีร้าน Cafe Amazon ในต่างประเทศ จำนวน 21 สาขา ร้านเท็กซัส ชิคเก้น มีเครือข่าย 100 สาขา สำหรับร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นมีเครือข่าย 137 สาขา ได้แก่ เพิร์ลลี่ทีและ Pacamara Coffee Roasters สำหรับธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ มีร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ 7-Eleven และภายใต้แบรนด์ จิฟฟี่ ในประเทศไทย 2,095 สาขา ร้าน Cafe Amazon มีปริมาณจำหน่ายรวม 93 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านแก้ว รวม 9 เดือนในปีนี้ มีปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 56 ล้านแก้ว (+26.5%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ทั้งการขยายสาขาปั๊มน้ำมัน ร้าน Cafe Amazon เราใช้ระบบ DATA วิเคราะห์พื้นที่ และคาดการณ์ยอดขาย ทำให้มีความเสี่ยงต่ำที่สุด รวมทั้งปรับเรื่อง Value chain มีระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ ทำให้ขนส่งรวดเร็ว เรามีคนเข้าปั๊มฯราว 3 ล้านคน/วัน เกือบครึ่งหนึ่งไม่ได้ พึ่งพาพลังงาน เข้าไปใช้ธุรกิจเสริม ซึ่งทั้งดีลเลอร์ แฟรนส์ไชส์และเราปรับตัวไปพร้อมกันเป็นการเตรียมพร้อมหากในอนาคตคนใช้น้ำมันน้อยลงไปสู่รถไฟฟ้า(อีวี) สถานีบริการของเราก็พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยขณะนี้เรามีสถานีชาร์จอีวีราว 500 จุดปีหน้าจะเพิ่มเป็น 1,000 จุด โดยปัจจุบันเรามีแอปพลิเคชัน ให้บริการและเตรียมเปิดตัว ซุปเอร์แอปฯในเร็วนี้ ” นายสุชาติกล่าว
ทั้งนี้ OR กำหนด เป้าหมายองค์กร ด้านความยั่งยืน ในปี 2573 หรือ OR 2030 Goals ที่ ครอบคลุม มิติสังคม(People) มิติสิ่งแวดล้อม (Planet) และ มิติ เศรษฐกิจ (Performance) โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1) Living Community ชุมชนมากกว่า 15,000 ชุมชน หรือ ประมาณ 12 ล้านชีวิตจะเติบโตไปพร้อมกับ OR 2) Healthy Environment OR จะลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจลงให้ได้มากกว่าหนึ่งในสาม ทั้งการลด การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การลดการปล่อยของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและพลังงานสะอาด รวมถึงการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2030 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
3) Economic Prosperity ผู้คนมากกว่า 1 ล้านรายจะเติบโตไปพร้อมกับ OR ด้วยเจตนารมณ์ดังกล่าว OR ยึดถือปฏิบัติตามนโยบายการบริหารจัดการความยั่งยืน โดยได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) มาบูรณาการและปรับใช้ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติที่ดีในการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล(Environmental / Social / Governance & Economic หรือ ESG) ในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ OR และบริษัทในกลุ่ม OR .- สำนักข่าวไทย
