กรุงเทพฯ 30 ต.ค. – กรมขนส่งทางบกย้ำรถป้ายแดงต้องมีลายน้ำตราเครื่องหมายราชการกรมการขนส่งทางบก เตือนปลอมป้ายทะเบียนโดนคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท ย้ำเจ้าของรถป้ายแดงต้องจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายภายใน 30 วัน
จากกรณีผู้เสียหายซื้อรถยนต์ปิกอัพจากศูนย์โชว์รูมย่านตลิ่งชัน ออกรถป้ายแดงแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมบริเวณทางด่วนบางนาบูรพาวิถี ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จ.สมุทรปราการ ดำเนินคดีอาญา
ล่าสุดกรมการขนส่งทางบกออกมาแนะนำการสังเกตป้ายแดง โดยนายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก ระบุว่าป้ายแดงที่ออกจากกรมการขนส่งทางบกต้องมีตัวย่อ ขส ซึ่งเป็นตัวนูนที่มุมด้านล่างขวา มีลายน้ำตราเครื่องหมายราชการกรมการขนส่งทางบก ปรากฏในแผ่นป้ายทะเบียนรถ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกออกให้แก่บริษัทตัวแทนจำหน่ายรถ สำหรับใช้ติดรถ เพื่อนำรถไปส่งให้ลูกค้า หรือนำรถไปซ่อมแซมเท่านั้น
เมื่อบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถให้ป้ายมาต้องสังเกตตัวอักษร ขส ด้านล่างขวา และต้องมีลายน้ำ ซึ่งจะต้องใช้คู่กับสมุดคู่มือประจำรถและใบอนุญาตให้ใช้รถ โดยในสมุดคู่มือจะมีรายการที่ผู้ใช้รถป้ายแดงต้องจดบันทึกข้อมูล ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ชื่อชนิดรถ เลขหมายตัวถัง เลขหมายเครื่องยนต์ ความประสงค์ในการขับรถยนต์ วันเดือนปี และระยะเวลาที่นำรถออกไปใช้
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า สำหรับป้ายแดงถือเป็นเอกสารของทางราชการ กรมการขนส่งทางบกเตือนผู้ที่ปลอมป้ายทะเบียน หรือผู้ที่นำป้ายแดงปลอมไปติดรถ ถือว่ามีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ หรือใช้เอกสารราชการปลอม มีโทษถึงขั้นจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยทั่วไปบริษัทที่จำหน่ายรถจะมาขอป้ายทะเบียนต้องแจ้งข้อมูลสถิติ จำนวนการขายรถ การจองรถ เพื่อนำไปใช้หมุนเวียน ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบกจะคำนวณไปให้เพียงพอกับการจำหน่ายรถ และให้ทางเจ้าของรถและทางบริษัทจำหน่ายรถมาจดทะเบียนภายใน 30 วัน ยืนยันป้ายทะเบียนขณะนี้เพียงพอ ซึ่งการจะมาขอไปเพิ่มต้องคำนวณสถิติการขาย การจำหน่ายรถ ยอดการจองรถ ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบกไม่อยากให้บริษัทผู้จำหน่ายรถนำป้ายไปเก็บเอาไว้เยอะ และเร่งรัดให้มาจดทะเบียน
สำหรับปริมาณรถยนต์จดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) ทั่วประเทศ ปี 2022 ขนาดไม่เกิน 2,000 CC มีจำนวน 319,011 คัน ขนาดเกิน 2,000 CC จำนวน 97,406 คัน BEV จำนวน 5,011 คัน Not Specific จำนวน 15 คัน รวม 421,441 คัน เฉพาะใน กทม. 263,197 คัน .-สำนักข่าวไทย