เชียงใหม่ 28 ต.ค.-รัฐมนตรีพาณิชย์บินถกด่านสันต้นดู่-เชียงใหม่ โดยขอให้กองทัพภาคที่ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันปราบปรามปัญหาการลักลอบยาเสพติดให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลก่อนเปิดด่าน ย้ำรอเมียนมาไฟเขียวเปิดด่านก่อนร่วมมือค้าชายแดนหลังปัญหาโควิดเบาลง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน ด่านสันต้นดู่ ที่หอประชุมที่ว่าการอําเภอแม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่เพื่อติดตามความคืบหน้าการผลักดันเปิดจุดผ่อนปรนการค้ากิ่วผาวอก อำเภอเชียงดาว และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหลักแต่ง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ ได้ประชุมเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยพิจารณาผลักดัน เพื่อให้เป็นอีกช่องทางการค้าที่จะช่วยขยายมูลค่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีศักยภาพในเชิงภูมิศาสตร์ในการเชื่อมต่อไปยังรัฐฉานของเมียนมา โดยเห็นพ้องกันว่า การเปิดด่านจะเป็นประโยชน์ต่อการผลักดันการค้าและการส่งออกของไทยไปยังเมียนมาที่มีมูลค่ากว่าสองแสนล้านบาทในแต่ละปี โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 มีมูลค่าสูงถึง 110,177 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.38 อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมความเจริญด้านเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน รวมไปถึงอาจเป็นโอกาสในการส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในระยะยาว นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชนในการผลักดันการเปิดจุดผ่อนปรนการค้ากิ่วผาวอก อำเภอเชียงดาว และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหลักแต่ง อำเภอเวียงแหง ซึ่งปัจจุบันยังรอผลการพิจารณาจากรัฐบาลเมียนมาด้วยเหตุผลด้านสถานการณ์ความมั่นคงในประเทศเมียนมา
สำหรับในส่วนของช่องทางสันต้นดู่ อำเภอแม่อาย ที่ประชุมได้มอบหมายให้ กองกำลังผาเมือง สังกัดกองทัพภาคที่ 3 ปราบปรามปัญหาการลักลอบยาเสพติดให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล และหากพบว่า ปัญหาลดน้อยลงและสถานการณ์ดีขึ้น ขอให้กองกำลังผาเมืองร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อนำไปสู่การเปิดช่องทางฯ รวมถึง การพิจารณายกระดับไปสู่การเปิดเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าตามแนวทางปฏิบัติของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติต่อไป.-สำนักข่าวไทย