กรุงเทพฯ 10 ต.ค.-“จุรินทร์” นำทีมผู้บริหารพาณิชย์ ถกสภาอุตสาหกรรม ต่อยอดความสำเร็จ ขยายตลาดสินค้าไทยในซาอุฯ เตรียมตั้งเอ็กซ์ปอร์ต คลินิกช่วยเอกชนทำตลาด เน้นอาหาร ก่อสร้าง ปิโตรเคมีและยานยนต์ เล็งหนุนเอกชนร่วมงานแฟร์สำคัญในซาอุดิอาระเบีย อย่างน้อย 5 งาน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ประชุมร่วมกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ
นายจุรินทร์ เผยว่า การประชุมครั้งนี้ เพื่อติดตามผลการเร่งขยายตลาดสินค้าไทยในซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่ได้นำคณะนักธุรกิจไทยเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อช่วงปลายเดือนส.ค.2565 ที่ผ่านมา โดยมีข้อสรุปร่วมกันว่ากระทรวงพาณิชย์จะจัดคลินิกส่งเสริมการส่งออก หรือ Export Clinic ไปตลาดซาอุดิอาระเบีย เพื่อทำงานร่วมกันระหว่าง ส.อ.ท. ภาคเอกชนร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ให้คำปรึกษา กฎระเบียบ มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี สินค้า บริการ ระบบการขนส่งและการจัดตั้งสายด่วน และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำตัวเลขการส่งออกไปยังซาอุดิอาระเบียให้มากขึ้น โดยเฉพาะหมวดอาหาร การก่อสร้าง ปิโตรเคมีและยานยนต์ เป็นต้น และจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยในซาอุดิอาระเบีย เบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์จะสนับสนุนนำสินค้าไทยร่วมงานแสดงสินค้าสำคัญที่ซาอุดิอาระเบียโดยคัดไว้เบื้องต้น 5 งานสำคัญ
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังจะจับมือกับส.อ.ท. และกระทรวงการลงทุนของซาอุดิอาระเบีย จัด Webinar ส่งเสริมการค้าการลงทุนในสาขาสำคัญ เช่น ปิโตรเคมี การก่อสร้าง เหล็ก อะลูมิเนียม อาหาร การเกษตร ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและส่งเสริมการส่งออกระหว่างกัน
ส่วนการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) ประกอบด้วย 6 ประเทศ คือบาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะเร่งรัดให้มีการเจรจาให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็วและยังได้ติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-ซาอุดิอาระเบีย (JTC) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียให้ความเห็นชอบแล้ว ต่อไปเป็นการจัดตั้งให้เป็นเวทีเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศต่อไป
สำหรับประเด็นที่ไทยต้องการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ของซาอุดิอาระเบีย เดินทางมาตรวจโรงงานผลิตและส่งออกไก่แช่เย็นแช่แข็งของไทย ขณะนี้มีความคืบหน้า และอนาคตหวังว่าจะสามารถเปิดตลาดไก่ต้มสุกต่อไปยังซาอุดิอาระเบียได้ต่อไป ส่วนประเด็นการขอวีซ่า ของนักธุรกิจไทย ที่ต้องมีหนังสือเชิญจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นอุปสรรค วันนี้มีความคืบหน้าแนวโน้มที่จะเป็นไปได้จากนี้ คือ การขอวีซ่าของนักธุรกิจไทย สามารถให้ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หรือกลไกภาคเอกชนอื่นที่กฎหมายรับรองจากรัฐบาลไทย ออกหนังสือรับรองให้ยื่นขอวีซ่าได้ ซึ่งจะทำให้สะดวกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้ติดตามผลการทำสัญญาซื้อขายสินค้าไทยไปซาอุดิอาระเบีย ในช่วงที่เดินทางไปเยือนมูลค่า 3,500 ล้านบาท และผลจากการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-ซาอุดิอาระเบีย ที่ได้ตั้งเป้าหมายภายใน 1 ปี จะทำมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ 10,000 ล้านบาท
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ขอขอบคุณนายจุรินทร์และทีมงาน โดยการทำงานร่วมกันครั้งนี้ ถือเป็นมิติใหม่ ไม่เคยทำงานใกล้ชิดขนาดนี้ ภาครัฐทำงานเชิงรุก นายจุรินทร์มีความเข้าใจภาคเอกชนถึงความต้องการและแก้ปัญหาทุกอย่าง คิดว่าการจับมือร่วมมือกันโดย กรอ.พาณิชย์ จะช่วยให้เอกชนทำงานสะดวก คล่องตัว และยังมีกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสดีเป็นประเทศที่มีศักยภาพไม่เฉพาะซาอุดีอาระเบีย แต่จะเป็นประตูเข้าสู่ประเทศตะวันออกกลางและภูมิภาคอื่นในอนาคต สินค้าไทยเป็นโอกาสที่ดี รวมทั้งสินค้าในหมวดก่อสร้างอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ตอบรับดีมาก
ทั้งนี้ตลาดซาอุดีอาระเบีย เป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและกำลังรอการเติบโต โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปซาอุดีอาระเบีย ในเดือนมกราคม-สิงหาคม 2565 อยู่ที่ 43,114 ล้านบาท ขยายตัวถึงร้อยละ 15.9 โดยสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปซาอุดีอาระเบีย อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเครื่องจักรและส่วนประกอบของ เครื่องจักร รวมถึงอาหารสัตว์ เป็นต้น .-สำนักข่าวไทย