นนทบุรี 26 ก.ย.- รมว.พาณิชย์ ปลื้มยอดส่งออกสินค้าไทยไปตลาดทั่วโลกยังเติบโตดี โดยเดือน ส.ค.65 ขยายตัวร้อยละ 7.5 ส่งผลให้ 8 เดือน ขยายตัวถึงร้อยละ 11 คิดเป็นมูลค่า 196,446.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ชี้แม้เงินบาทอ่อนค่าจะดีต่อส่งออก แต่กระทบยอดนำเข้าสินค้าที่จะแพงขึ้น ห่วงสงคราม 2 ประเทศยืดเยื้อ ทำให้กลุ่มพลังงานและน้ำมันแพง แต่ยังมั่นใจเป้าส่งออกปีนี้เกินร้อยละ 4 แน่
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดทั่วโลกในเดือน ส.ค.65 อยู่ที่ 23,632.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 7.5 หรือคิดเป็นเงินบาท 861,169 ล้านบาท ทำให้ยอดส่งออกตลอด 8 เดือน ตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค.65 มีมูลค่าถึง 196,446.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 11.0 ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าในเดือน ส.ค.65 อยู่ที่ 27,848.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 21.3 ทำให้ตลอด 8 เดือน ยอดนำเข้าขยายตัวร้อยละ 21.4 หรือมีมูลค่า 210,578.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาท 6,635,446 ล้านบาท ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าในเดือน ส.ค.65 อยู่ที่ 4,215.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และช่วง 8 เดือน ไทยขาดดุลการค้าแล้วทั้งสิ้น 14,131.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ เหตุผลสำคัญแม้ตัวเลขการส่งออกของไทยจะสูงขึ้นในแต่ละเดือน แต่จากปัญหาสงครามรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อ ส่งผลให้ต้นทุนในด้านพลังงานและแก๊ส รวมถึงอื่นๆ สูงขึ้น ทำให้ตัวเลขขาดดุลการค้าดูมากขึ้น จากการนำเข้าวัตถุดิบและอุปกรณ์เพื่อนำมาผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก จึงทำให้ตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น แต่จากแนวทางการทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะเร่งเดินหน้าหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเริ่มฟื้นตัว และปัญหาการแพร่เชื้อโควิดในหลายประเทศเริ่มดีขึ้น รวมถึงมีความต้องการที่จะเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น จึงเชื่อว่าปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้จะดันการส่งออกของไทยในช่วงเวลาที่เหลือยังเป็นอัตราการเติบโตเป็นบวกอยู่ แม้ว่าก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ตัวเลขส่งออกในปี 65 จะเติบโตได้เป็นบวกร้อยละ 4 แต่จากการติดตามตัวเลขส่งออกของไทยในแต่ละเดือนเป็นอัตราบวกได้ดี จึงคาดว่าตลอดปี 65 ยอดส่งออกของไทยจะบวกได้เกินกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ได้ แม้จะกังวลสงคราม 2 ประเทศที่ยังไม่รู้ว่าจะจบอย่างไรและตอนไหนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หากดูความต้องการสินค้าไทยในตลาดต่างๆ ทั่วโลกที่ยังขยายตัวได้ดีอยู่ ซึ่งแยกเป็นสินค้าหลัก 3 หมวด ประกอบด้วย สินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม
1.หมวดสินค้าเกษตร เดือน ส.ค. ติดลบร้อยละ 10.3% มียอดทำเงิน 77,088 ล้านบาท 8 เดือนแรกปีนี้ บวกร้อยละ 5.4 มูลค่า 635,241 ล้านบาท สินค้าเกษตรสำคัญ ได้แก่ 1) ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และไก่แปรรูป ตลาดที่ขายตัวดีมาก คือ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้
2) ข้าว ขยายตัว 7 เดือนต่อเนื่อง เดือน ส.ค. เป็นบวกร้อยละ15.3 ทำรายได้ให้ประเทศ 12,532 ล้านบาท ตลาดที่ขยายตัวดีคือ อิรัก สหรัฐฯ แคนาดามาเลเซียและเนเธอร์แลนด์
2.หมวดอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวดีมากต่อเนื่องถึง 18 เดือน เดือน ส.ค. ร้อยละ 27.6 ทำรายได้ให้ประเทศ 71,015 ล้านบาท 8 เดือนแรกปีนี้ ร้อยละ 29.1 ทำรายได้ 541,555 ล้านบาท สินค้าที่ขยายตัวสูง เช่น 1) น้ำตาลทราย ไอศกรีม 2) ดาวรุ่งโต 36 เดือนต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน คือ อาหารสัตว์เลี้ยง ตลาดที่ขยายตัวดี ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ 3) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ตลาดที่ขยายตัวดี ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และตลาดใหม่ซาอุดีอาระเบีย และคาดว่าจะขยายตัวที่ตะวันออกกลาง 4) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 5) เครื่องดื่ม ขยายตัวได้ดีในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม กัมพูชา จีน ลาว และมาเลเซีย
3.หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ภาพรวมบวก 18 เดือนต่อเนื่อง เดือน ส.ค. บวกร้อยละ 9.2 ทำเงินให้ประเทศ 680,471 ล้านบาท 8 เดือนแรกปีนี้ บวกร้อยละ 9 มูลค่า 5,167,178 ล้านบาท หรือ 5.1 ล้านล้านบาท สินค้าสำคัญ เช่น 1) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตลาดขยายตัวดี คือ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวียดนาม และสิงคโปร์ 2) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ 3) เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ 5) แผงวงจรไฟฟ้า 6) รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
ส่วนตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน ในเดือน ส.ค. บวกถึงร้อยละ 29.6 สร้างเงินให้ประเทศ 56,849 ล้านบาท 8 เดือนแรกของปีนี้ เป็นบวกร้อยละ 21.1 ทำเงินให้ประเทศ 432,923 ล้านบาท โดยตลาดของประเทศมาเลเซีย กัมพูชา สปป ลาว มีตัวเลขการค้ากับไทยได้ดีตลอดและเพิ่มมากขึ้น ขณะที่การค้าผ่านแดนตัวเลขติดลบ เนื่องจากความสำคัญของการค้าผ่านแดนไปประเทศที่ 2-3 ทางบกลดความสำคัญลงไปบ้าง แต่เหตุผลสำคัญที่ช่วยเกื้อหนุนการส่งออกผ่านการค้าชายแดนไปเมียนมา มาเลเซีย สปป ลาว และกัมพูชา คือ สามารถทยอยเปิดจุดผ่านแดนกับ 4 ประเทศ เพิ่มขึ้นอีก 9 ด่าน ถึงวันที่ 20 ก.ย.65 มีด่านกับต่างประเทศ 97 ด่าน เปิดได้แล้ว 69 ด่าน และเราจะพยายามเปิดเพิ่มขึ้น ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จะประสานผู้ว่าราชการจังหวัด และฝั่ง สปป ลาว เมียนมา และมาเลเซีย ให้เปิดด่านที่เหลือกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย