นนทบุรี 14 ก.ย.-รัฐมนตรีพาณิชย์ประชุมทูตพาณิชย์จากทั่วโลก สั่งทูตปรับแผน”รุก-ลึก”เจาะตลาดเพิ่มยอดส่งออดสินค้าไทยทุกช่องทาง เดินเครื่องดัน 345 กิจกรรมส่งเสริมขาย หวังทำเงินเข้าประเทศเพิ่มอีก 20,000 ล้านบาท ช่วงท้ายปี
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมสรุปแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกและเชิงลึก ครึ่งปีหลัง 2565 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยประชุมทูตพาณิชย์จากทั่วโลก ซึ่งมีทั้งหมด 42 ประเทศ 58 สำนักงาน ครั้งนี้เพื่อปรับแผนงานเพิ่มตัวเลขส่งออกเข้าประเทศให้มากขึ้น แม้ว่าต้องเผชิญกับปัญหาเช่นเดียวกับหลายประเทศในโลก ทั้งสงครามการค้า โควิด สงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาจีนกับไต้หวันเพิ่มเติมขึ้นมา ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจของผู้ค้าของเราชะลอตัว บางประเทศมีแนวโน้มติดลบ รวมทั้งปัญหาการขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินและระบบการขนส่งสินค้าก็ตาม
ทัเงินนี้ ที่ผ่านมาสามารถทำเงินให้กับประเทศถึง 8.5 ล้านล้านบาท เป็นบวกถึง 17.1% และปี 65 ตั้งเป้าจะทำเงินให้กับประเทศถึง 9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4% แต่ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ตั้งแต่ ม.ค.-ก.ค.ทำเงินให้ประเทศแล้ว 5.774 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเกินเป้าที่ 4% เป็น 11.5% จึงได้มอบให้กระทรวงพาณิชย์รวมทั้งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและภาคเอกชน รวมทั้งทูตพาณิชย์ของเราจากทั่วโลกปรับแผน เพื่อทำเงินให้ได้มากกว่านี้โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง ได้มอบนโยบายจัดทำแผนทั้งเชิงรุกและเชิงลึก เพื่อทำรายได้จากการส่งออกให้ได้มากที่สุด ซึ่งทูตพาณิชย์จากทุกประเทศ ได้จัดทำแผนร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและภาคเอกชน ทำแผนงานที่มีความชัดเจน จากเดิมกำหนดไว้กิจกรรมในปี 2565 ไว้ที่ 185 กิจกรรม เดินหน้าให้ได้ตัวเลขส่งออก 9 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แผนใหม่ปรับเป็น 530 กิจกรรม มีกิจกรรมใหม่เพิ่มขึ้นอีก 345 กิจกรรม เพื่อทำตัวเลขครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้นกว่าเป้าเดิมที่ทำไว้ ซึ่ง 345 กิจกรรม ทั้งกิจกรรมเชิงรุกและเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็น เร่งรัด Mini-FTA ส่งเสริมการค้าระบบออนไลน์ การจับคู่เจรจาธุรกิจ การนำซอฟพาวเวอร์ใส่สินค้าและบริการของไทย การให้ความสำคัญกับ BCG การเร่งรัดการเดินหน้าตามนโยบาย รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่และฟื้นตลาดเก่า โดยมีมาตรการรายละเอียดเพิ่มเติมชัดเจน
ในการเจาะตลาดใหม่มีรูปแบบชัดเจนคือ การเจาะตลาดเมืองรอง จากที่เน้นการเจาะเมืองหลักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งตลาดเมืองรองมีเป้าหมายชัดเจนจะเจาะทั้งหมดใน 36 ประเทศ 105 เมือง และเจาะตลาดสินค้าชนิดใหม่เพิ่มเติม เช่นซาอุดีอาระเบียที่ตนนำคณะไปเจรจา จะเน้นสินค้าก่อสร้างและการให้บริการด้านการก่อสร้าง ซึ่งซาอุดีอาระเบีย มีนโยบายสร้างเมืองใหม่และตลาดเฟอร์นิเจอร์ ตลาดสินค้าฮาลาล ขณะที่ตลาดจีนที่มณฑลกานซู่ มีมุสลิมจำนวนมาก หรืออาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นดาวเด่นในการส่งออกช่วงปีที่ผ่านมา จะมุ่งเน้นตลาดยุโรป โดยมีการกำหนดเป้าหมายตัวเลขชัดเจน เฉพาะครึ่งปีหลัง นอกจากเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้รวมทั้งปี 9 ล้านล้านบาท จะทำเงินให้ประเทศเพิ่มจากการส่งออกอีกไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะทำงานร่วมกับเอกชน
“ ช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยกันแก้ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนและค่าระวางเรือมีราคาสูงมาก วันนี้เอกชนรายงานให้ทราบว่าสามารถร่วมมือกันแก้ปัญหาคอนเทนเนอร์ขาดแคลน เฉพาะ 6 เดือนแรกของปีนี้ ตู้คอนเทนเนอร์มีให้ใช้ส่งออกได้เพิ่มขึ้นถึง 12% และค่าระวางเรือปรับลดลงจาก 15,000 ถึง 20,000 เหรียญสหรัฐลดลงมาเหลือ 7000 ถึง10,000 เหรียญสหรัฐ ลดลงมาประมาณ 50% ทำให้ตัวเลขส่งออกของเราคล่องตัวขึ้น และการเปิดโอกาสให้เรือใหญ่มาเทียบท่าที่แหลมฉบังได้ มีส่วนช่วยเสริมให้มีพื้นที่เหลือ ส่งออกได้มากขึ้น โดยความร่วมมือจากกรมเจ้าท่าออกประกาศให้เรือใหญ่เทียบท่าได้ตั้งแต่ 9 ก.พ.64 มีอายุ 2 ปี ซึ่งที่ประชุมจะขอความร่วมมือจากกรมเจ้าท่าต่ออายุไปอีก จะมีส่วนช่วยให้การส่งของเราคล่องตัวขึ้น จะมีพื้นที่เรือขนสินค้าไทยไปยังต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น”นายจุรินทร์กล่าว.-สำนักข่าวไทย