นนทบุรี 26 ส.ค.- รมว.พาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออกไทยในเดือน ก.ค.65 และตลอด 7 เดือน ยังขยายตัวได้ดี แม้เจออุปสรรคราคาวัตถุดิบแพง ทำให้ต้นทุนสูง แต่ยังเป็นตัวเลขส่งออกดีอยู่ ย้ำจะเดินหน้าเร่งผลักดันทุกด้านเต็มที่ พร้อมเตรียมจัดประชุมทูตพาณิชย์และภาคเอกชน ทบทวนแผนส่งออกในช่วงเวลาที่เหลือปีนี้ ในวันที่ 14 ก.ย.นี้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการส่งออกของประเทศในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 พบว่า การส่งออกยังคงขยายตัวร้อยละ 4.3 คิดเป็นมูลค่ากว่า 23,629 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความต้องการสินค้าอาหารของทั่วโลกยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าเกษตรและอาหารของไทยยังคงเป็นที่ต้องการ โดยสินค้าในหมวดอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวถึงร้อยละ 38.1 โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ ไก่สด ข้าวสาร ยางพารา น้ำตาลทราย อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขณะที่สินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมขยายตัวได้เพียงร้อยละ 0.1 เป็นเพราะการขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งแหล่งผลิตร้อยละ 40 ของโลกอยู่ที่ไต้หวัน และกำลังมีปัญหาขัดแย้งกับประเทศจีน ส่งผลต่อการผลิตสินค้าทั่วโลก
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยมีมากขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จากโควิด-19 ทำให้ความต้องการสินค้าในส่วนของภาคบริการสูงขึ้น ทั้งในส่วนของท่องเที่ยว โรงแรม และแนวโน้มของค่าระวางเรือที่ลดลง มีส่วนสนับสนุนการส่งออกให้ขยายตัวได้ดีขึ้น โดยการส่งออกของไทยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 65 ยังคงขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 11.5 คิดเป็นมูลค่า 172,814 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าในเดือน ก.ค.65 อยู่ที่ 27,289.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นขยายตัวร้อยละ 23.9 ทำให้ตัวเลขนำเข้าตลอด 7 เดือนของปี 65 อยู่ที่ 182,730.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 21.4 ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าในเดือน ก.ค.65 อยู่ที่ 3,660.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลอด 7 เดือน ไทยขาดดุลการค้าถึง 9,916.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าเป็นการขาดดุลที่สูง แต่เป็นการขาดดุลโดยนำวัตถุดิบมาผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกเป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้ เพื่อทำให้การส่งออกยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด และได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ทั่วโลก เร่งทำแผนผลักดันการส่งออกเพิ่มเติมจากแผนปฏิบัติการเดิม 185 เพิ่มเติมอีก 345 แผน เป็น 530 แผนงานที่ต้องเร่งทำและสามารถปฏิบัติได้จริง โดยจะมีการเรียกประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลก เพื่อซักซ้อมแผนและติดตามการทำงานอีกครั้ง ในวันที่ 14 ก.ย.นี้.-สำนักข่าวไทย
